เย็นวันหนึ่ง ก่อนเวลาเลิกงานไม่นานนัก มีเสียงที่ช่างคอม ฯ ไม่อยากได้ยินดังขึ้นทำลายความเงียบภายในร้าน กริ๊ง .. กริ๊ง .. กริ๊ง … ครับ ใช่แล้ว ลูกค้าโทรมา สงสัยคอมพิวเตอร์มีปัญหา …. “ไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไรให้ช่วยครับ” ผมถาม “คือเครื่องพิมพ์ของผมไฟไม่เข้าน่ะครับ ไม่แน่ใจว่า adapter เสียหรือเปล่า” ลูกค้าแจ้งปัญหาให้ทราบ “ตรวจเช็คดีแล้วนะครับว่าไฟไม่ดับ และเสียบปลั๊กแน่นดีแล้ว” ผมถามกลับไป ด้วยความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ว่าอาจเป็นไปได้ “ไฟไม่ดับครับ และผมก็เสียบปลั๊กแน่นดีแล้วครับ เมื่อวานเพื่อนยืมเครื่องพิมพ์ไปใช้ วันนี้เอามาคืนก็เป็นอย่างนี้เลย สงสัยเขาทำเสียแหงเลย” ลูกค้าบ่นเสียงหงอย ๆ “ยังไงช่วยเข้ามาดูก่อนนะครับ เอาเครื่องใหม่มาด้วยเลย ถ้าเสียจะได้ซื้อตัวใหม่เลย เพราะซ่อมคงไม่คุ้ม”
ด้วยความหวังว่าวันนี้ขายของได้แน่ ก็เลยยอมทำงานล่วงเวลา ตรงไปยังบ้านลูกค้า เพื่อไม่ให้ดูงกเกินไป ก็เลยลองตรวจสภาพเครื่องพิมพ์ดูหน่อย … ปลั๊กก็มีไฟ(ฟ้า)ตามปติ … สายเสียบปลั๊กแน่นดี … แต่เปิดเครื่องไม่ติด ผมตรวจสอบตามลำดับ ก่อนจะแกะกล่องตัวใหม่ ผมมองไปด้านหลังเครื่องพิมพ์ พิโธ่เอ๋ย …. สายไฟอีกด้านไม่ได้เสียบเข้าเครื่องพิมพ์ …. แล้วมันจะเปิดติดได้อย่างไร …. ลูกค้าทำหน้าแหย ๆ มองตาผม แล้วรีบขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ เป็นอันว่าหลังจากรับเครื่องคืนจากเพื่อนแล้ว เขาก็เสียบสายทุกอย่างเข้าที่ ยกเว้นจุดเดียวคือสายไฟจาก adapter เข้ากับตัวเครื่อง อันเป็นที่มาของงานล่วงเวลา (ที่ไม่มีเงินล่วงเวลา) ของผมในวันนี้ … สุดท้ายผมจึงต้องกลับร้านอีกครั้งเพื่อเอาเครื่องพิมพ์ไปเก็บ พร้อมกับได้ข้อเตือนใจอีกอย่างว่า หากจะถามเรื่องปลั๊กไฟของเครื่องต้องถามทั้งสองด้าน อย่าถามด้านเดียว 🙁
ขำดีครับ ผมเจอบ่อยเลย อิอิ