—————————————————————————————————————————————————-
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของบทความ 9 ตอนของทริป เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน-เชียงราย
1. อรุณสวัสดิ์เชียงใหม่ – ไหว้พระวัดพระสิงห์
2. จากแม่ริม ถึงห้วยน้ำดัง
3. เส้นทางรับน้องที่ ขุนแม่ยะ กับซากุระที่หายไป
4. เก็บตกเมืองปาย
5. ป่าสนวัดจันทร์ คำปลอบใจจากธรรมชาติ
6. แม่ตะมาน รางวัลสำหรับนักเดินทางที่ไม่ยอมถอยหลัง
7. “แม่สลอง” เมืองบนดอย
8. “ดอยตุง” หุบเขาแห่งดอกไม้
9. ดอกเสี้ยวบานที่ภูชี้ฟ้า กับ ทิวลิปที่ผาหม่น
หลังจากปีที่แล้วได้เยือนเมืองปายแต่ไม่มีเวลาเที่ยวมากนัก ปีนี้พอมีเวลาเหลือก็เลยถือโอกาสกลับไปเก็บตกสถานที่ต่าง ๆ ที่ไปมาแล้วและยังไม่เคยไปอีกครั้ง เพื่อที่จะได้มีเรื่องมาโม้เพื่อน ๆ ได้ครบถ้วนมากยิ่งขึ้น ถ้าใครยังไม่เคยอ่านบทความเก่าก็สามารถคลิ๊กที่นี่เพื่ออ่านบทความเก่า “ปาย เมืองในกระแสที่รอคุณไปพิสูจน์” ได้ครับ ส่วนปีนี้มีอะไรเพิ่มเติมไปดูกันเลยครับ
หลังจากผ่านเส้นทางอันแสนโหดร้ายของขุนแม่ยะแล้ว ผมเลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าสู่เมืองปาย เมืองเล็ก ๆ ที่ถูกโอบล้อมด้วยขุนเขาน้อยใหญ่ วิถีชีวิตและอาคารบ้านเรือนถูกปรับแต่งให้ถูกใจคนเมืองจนหลายคนหลงใหลจนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
ระยะทางจากปากทางขุนแม่ยะถึงเมืองปายนั้นไม่ถึง 30 กม. แต่ก็ต้องใช้เวลาขับราว 30 นาทีเพราะเส้นทางที่ค่อนข้างลาดชันและเต็มไปด้วยโค้งหักศอกมากมายหลายโค้ง สถานที่ท่องเที่ยวแรกที่เราแวะถ่ายภาพกันก็คือสะพานประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกที่ตั้งอยู่เคียงข้างสะพานใหม่ ซึ่งหลายคนเคยบอกผมว่าน่าจะมีการบูรณใหม่ให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ แต่ผมกลับมองเห็นตรงข้ามว่าปล่อยไว้อย่างนี้ก็ดีเหมือนกันเพราะจุดขายและเสน่ห์ของสะพานแห่งนี้คือไม้เก่า ๆ และเหล็กสีด้าน ๆ ที่หลุดลอกมากกว่าความสมบูรณ์เรียบร้อย เพียงแต่น่าจะหากิจกรรมหรือสร้างเรื่องราวให้กับสะพานได้มากกว่านี้ เพื่อให้เป็นที่จดจำของนักท่องเที่ยวนั่นเอง
หลังจากถ่ายภาพกันที่สะพานแล้ว ขับรถเลยไปอีกหน่อยก็ถึงร้านกาแฟริมทางชื่อดัง “Coffee in Love” ที่ตกแต่งสถานที่ได้อย่างโดดเด่นลงตัว สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวแทบทุกกลุ่มให้แวะถ่ายภาพซึ่งแน่นอนว่าบางส่วนก็อุดหนุนกาแฟด้วยเช่นกัน นับเป็นแผน marketing ที่ดีมากทีเดียว จะว่าไปแล้วผมชอบรสชาติกาแฟ (เย็น)ของที่นี่มากกว่าอีกร้านในตัวเมืองด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่อยากเชียร์มากไปเพราะของแบบนี้แล้วแต่ความชอบของแต่ละบุคคล แต่ที่สามารถการันตีได้ก็คือที่นี่มีมุมถ่ายภาพเก๋ ๆ หลายมุมทีเดียว เป็นที่ถูกอกถูกใจเหล่านางแบบ (จำเป็น) และช่างกล้องอย่างผมมัก ๆ ถ้าใครมาปายก็อย่าลืมแวะที่นี่นะครับ เดี๋ยวจะถูกหาว่ามาไม่ถึงเมืองปาย
ออกจากร้าน Coffee in love แล้วผมขับรถผ่านตัวเมืองปายไปเล็กน้อยเพื่อไปไหว้พระที่วัดน้ำฮู ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่ออุ่นเมือง โดยมีลักษณะพิเศษคือจะมีน้ำไหลซึมออกมาจากพระเศียรตลอด และทางวัดได้จัดเตรียมรับน้ำที่เชื่อว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์นี้ไว้ให้นักท่องเที่ยวได้นำกลับไปดื่มเพื่อเป็นศิริมงคล นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งเจดีย์ที่เล่ากันว่าเป็นที่บรรจุพระอัฐิของพระพี่นางสุพรรณกัลยาซึ่งสร้างโดยสมเด็จพระเนรศวรมหาราชอีกด้วย
หลังจากอิ่มบุญกับการไหว้พระแล้ว พวกเราก็มองหาที่อิ่มท้องกันทันที ออกจากประตูวัดเห็นป้ายร้านอาหารจีนยูนานจึงไม่รอช้าที่จะขับรถตามป้ายเพื่อไปยังหมู่บ้านสันติชนซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านอาหารทันที ที่หมู่บ้านสันติชนนี้นอกจากเป็นที่ตั้งของร้านอาหารแล้วยังมีร้านขายของที่สร้างด้วยดิน (เหมือนกับหมู่บ้านรักไทยใกล้ปางอุ๋ง) ซึ่งแอบสืบทราบมาว่าทุกร้านเป็นของเจ้าของคนเดียวกัน เพราะฉะนั้นเรื่องราคานั้นก็คงต้องใช้ความสามารถส่วนบุคคลในการต่อรองครับ
ระหว่างทานอาหารผมก็ถือโอกาสชาร์จแบตเตอร์รี่ไปพลาง ๆ เพราะเมื่อคืนที่ผ่านมาไม่มีไฟฟ้าใช้ สำหรับเมนูอาหารจีนที่นี่ก็จะเหมือนที่อื่น ๆ แถบนี้ครับ มีเมนูเด่นคือขาหมู-หมั่นโถยูนาน และผัดยอดถั่วลันเตา แต่ในเรื่องของรสชาตินั้นไม่ค่อยถูกปากผมมากนัก เพื่อน ๆ ก็เห็นพ้องต้องกันว่าที่หมู่บ้านรักไทย (ใกล้ปางอุ๋ง)อร่อยกว่า … ใกล้ ๆ กับร้านอาหารจะมีรีสอร์ทที่ตัวบ้านทำจากดินเพื่อดูน่ารักสวยงามดี นอกจากนี้ยังมาศาลากลางน้ำอีกด้วย ผมกับเพื่อน ๆ ก็เลยไปถ่ายภาพกันอย่างสนุกสนานเสมือนว่าเราเป็นแขกของที่นั่นเลยทีเดียว สำหรับผู้ต้องการความโผนที่นี่มีชิงช้า (ที่ใช้คนหมุน) ให้คุณได้เล่นกันด้วย ซึ่งสามารเรียกเสียงกรี๊ดจากผู้เสี่ยงเข้าไปเล่นได้อย่างต่อเนื่อง แต่สำหรับผมขอบายครับ กลัวใจเสาะเป็นลมกลางอากาศจะอายสาว ๆ หุหุ
เมื่ออิ่มหนำสำราญตาม concept การท่องเที่ยวครั้งนี้แล้วเราก็อำลายหมู่บ้านสันติชนตรงเข้าไปยังถนนคนเดิน เพื่อส่ง post card ไปถากถางเพื่อน ๆ ที่ไม่ได้มาผจญความลำบากด้วยกันใน trip นี้ และซื้อของติดไม้ติดมือกันมาคนละนิดหน่อยจากร้านที่คุณก็รู้ว่าร้านอะไร (แล้วจะรู้ไม๊เนี่ย) มาเมืองปายทั้งทีก็อดไม่ได้ที่จะเก็บภาพของร้านรวงที่ตกแต่งเอาใจนักท่องเที่ยวอย่างผมด้วยสีสันสะดุดตา ใครชอบมุมไหนก็เลือกเอาได้ตามใจครับ มีคนหรือไม่มีคนก็สวยได้ทุ๊กมุมจริง ๆ
เมื่อได้เวลาบ่ายแก่ ๆ เราก็อำลาเมืองปาย พร้อมกับเสบียงที่ตลาดสด+ของกินจุกจิกจาก seven eleven มุ่งหน้าสู่จุดหมายต่อไป “ป่าสนวัดจันทร์”
ขอบคุณมากครับสำหรับข้อมูลที่นำมาแชร์
-หนึ่ง vanexclusive –
ว๊าววว ผมกำลังจะไปเที่ยวปลายปีนี้คับพี่ คนคงเยอะน่าดูเลย
ไว้มีอะไรอาจจะขอรบกวนสอบถามหน่อยนะคับ
เห็นรูปแล้วอยากไปมาก ปีที่แล้วว่าจะไป แต๋โชคดีมาก รถติดมโหฬาร แุถมน้ำมันไม่มีอึกต่างหาก เดี๋ยวลองดูปีนี้อีกที
ขอบคุณภาพสวยๆ ที่ทำให้คนไม่เคยไป อยากไปเที่ยวค่ะ
ไปช่วงปลายกันยา ต้นไม้เขียวได้ใจมาก นาก็สวยไม่แห้งเหมือนหน้าหนาว
ไปแล้วครับพักผ่อนสุดสุดนอน3คืนไม่ร้อนเหมือนภูเก็ตนะ
สวยค่ะ เพื่อนคนใดอยากไปติดต่อมาที่ Phing_joy@hotmail.comน่ะ เราจะไป 13-16 พ.ย 51 ขาดเพือ่นร่วมทาง 3-4 คน นั่งรถตู้ VIP ติดต่อมาด่วน เราจะรอ
ปกติแล้วช่วงกันยายน ยังเป็นช่วงปลายฝน น่าจะมีข้อดีคืออากาศกำลังเย็นสบายและมีความเขียวชอุ่มของต้นไม้ครับ แต่อาจมีโอกาสเจอฝนได้เหมือนกัน ช่วงใกล้ๆ คงต้องเช็คสภาพอากาศกันอีกครั้งครับ
จะไปปายช่วง กันยาอ่ะคะ…อากาศเป็นงัยบ้างคะ ช่วยบอกทีนะคะ
ถ่ายรูปสวยจิง ๆค่ะ
กำลังจะไปอีก สองวันข้างหน้าจ้ะ
ตื่นเต้นๆ
(เคยไปแล้ว แต่ก็ยังตื่นเต้นเหมือนเดิม)
.
(ชมๆ ถ่ายภาพสวยจริงๆ)
เพิ่งไปมาเมื่อปลายปีที่แล้วค่ะ
ถ่ายรูปมาได้สวยมากๆ เห็นแล้วอยากกลับไปอีกซักครั้ง
^ ^
อาทิตย์หน้ากำลังจะไปปายพอดีเลย
ถ่ายรูปสวยจังเลย
Have a good day ka
รูปสวยดีครับ