Select Page

ความแตกต่างของ “นรก” และ “สวรรค์”

ชายคนหนึ่งนอนหลับอยู่ที่บ้านในเวลากลางคืน
มีนางฟ้าลงมาหาเขา ชวนให้ไปเที่ยวสวรรค์กับนรก
เขาก็ตกลงไปด้วย

นางฟ้าพาไปที่ที่หนึ่ง แล้วบอกว่า “ถึงนรกแล้ว”
ที่นั้นเป็นห้องใหญ่ ๆ มีโต๊ะยาวๆ
บนโต๊ะมีอาหารที่ประณีตอร่อยมีคุณค่าทุกประเภท
มีคนนั่งอยู่หลายคนนางฟ้าก็บอกว่า “นี่สัตว์นรก”
คนเหล่านั้นนั่งมองอาหารที่น่ากินที่สุดในโลก
แต่ตัวเขาผอมเหลืองน่าสงสาร

นางฟ้าบอกว่าที่นี่อนุญาตให้กินอาหารดี ๆได้
แต่มีเงื่อนไขว่าห้ามใช้มือหยิบ
ต้องใช้ช้อนที่ยาวหนึ่งเมตรตักอาการกินเท่านั้น
เวลาจะใช้ช้อนตักอาหารเข้าปากตัวเอง คนที่นรกก็ตักไม่ถึงสักที

ชายคนนั้นพยายามบ้าง แต่อาหารที่อร่อยหกลงบนพื้นเกือบหมด
เขาเลยมีความวุ่นวายเดือดร้อนมาก พยายามตักอาหารเท่าไรก็ไม่ถึงปาก
จึงผอมโซเพราะอดอาหาร
ทั้งที่อยู่ใกล้ชิดอาหารที่อร่อยมีคุณค่าทางโภชนาการ
.แต่ไม่สามารถเอาเข้ามาถึงในปากของตนเองได้

นางฟ้าพาไปอีกห้องหนึ่งแล้ว บอกว่า “ถึงสวรรค์แล้ว”
ห้องที่สองนี้มีลักษณะเช่นเดียวกับห้องแรกทุกประการ
มีโต๊ะอาหารยาว ๆ อาหารประณีตหลาย ๆ อย่างเหมือนกันกับห้องนรก
มีเก้าอี้รอบ มีคนนั่งอยู่หลายคน ทุกคนต้องใช้ช้อนยาวหนึ่งเมตรเหมือนกับที่นรก
นางฟ้าบอกว่า “นี่เทวดาบนสวรรค์”
แต่แปลกที่คนบนสวรรค์นั้นยิ้มแย้มแจ่มใสอ้วนท้วนสมบูรณ์สบาย
ดูว่าเขาอยู่ดีกินดีได้อย่างไร ทั้งๆที่ ทุกอย่างเหมือนที่นรก
“เอ…ทำไมคนที่นี่ไม่เหมือนที่นรก?
ทำไมคนที่นี่สนุกสนานแจ่มใสร่าเริง แข็งแรง”

พอดูดี ๆ อ้อ! เห็นวิธีของชาวสวรรค์
คือคนข้างหนึ่งของโต๊ะ เขาตักอาหารด้วยช้อนยาว ๆ
เอาไปป้อนใส่ปากของคนตรงข้าม
คนอีกข้างก็ตักอาหารมาใส่ปากของคนข้างนี้
ก็เลยได้กินกันทุกคน อยู่อย่างสุขสบาย

สรุปว่า ที่นรกนั้น….. คนคิดแต่จะได้อย่างเดียว
คิดแต่เรื่องความสุขของตัวเอง
คิดแต่ว่าเราจะได้อาหาร ได้สิ่งที่เราชอบ โดยไม่คิดถึงคนอื่น

แต่ที่สวรรค์….. มีการช่วยเหลือกัน มีความรักสามัคคีกัน
คำนึงถึงความสุขของคนอื่นด้วย
จึงก็ได้รับความสุขทั่วถึงกันทุกคน

“ตื่นขึ้นมาแต่ละวันอย่าถามว่าจะได้อะไรจากสังคม แต่จงถามให้มากว่าจะให้อะไรกับสังคมได้บ้าง”

แนวคิดในการสอนงานทีม : ก่อนที่เราจะเรียกร้องสวัสดิการ, ผลประโยชน์จากบริษัท ฯ เพิ่ม  ลองหันกลับมามองที่ตัวเองก่อนว่าได้พยายามทุ่มเท แรงกาย แรงใจ ให้กับงานที่ตัวเองทำมากน้อยแค่ไหน  เคยวางเป้าหมายที่จะพัฒนาสร้างสรรค์อะไรเป็นพิเศษมากกว่าหน้าที่ความรับผิดชอบปกติบ้างหรือไม่  หากยังไม่ได้ทำให้ลองทำดูก่อนแล้ววันหนึ่ง บริษัท ฯจะเล็งเห็นในศักยภาพของเราและมอบสิ่งที่เราต้องการให้เองโดยไม่ต้องร้องขอ