หลาย ๆ คนที่ไปเที่ยวยุโรปเป็นครั้งแรก และวางแผนจะเดินทางด้วยการขับรถเอง ลองมาดูกันครับว่ามีอะไรบ้างที่ต้องรู้เพื่อให้การท่องเที่ยวเป็นไปอย่างสนุกและปลอดภัย
1. เลี่ยงการขับในเมืองใหญ่ โดยเฉพาะวันแรก ๆ ของการท่องเที่ยว
เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าในยุโรปส่วนใหญ่จะขับคนละเลนกับบ้านเรา ดังนั้นวันแรก ๆ ในการใช้รถจะเจอกับความสับสนมากหน่อย ไม่ว่าสวิทย์ไฟเลี้ยวกับที่ปัดน้ำฝนที่มักจะอยู่คนละด้านกับบ้านเรา การเลี้ยวรถ การเข้าวงเวียนที่อาจต้องมองรถคนละฝั่งกับที่คุ้นเคย หากต้องเจอสภาวะแบบนี้ในเมืองที่เต็มไปด้วยรถเยอะ ๆ กับป้ายจราจรที่อ่านไม่ออกสารพัดคงเครียดน่าดู ดังนั้นขอแนะนำว่าวันแรกของการขับรถไม่ควรเข้าเมืองเด็ดขาด เลือกเส้นทางที่โล่ง ๆ ให้ได้คุ้นกับสภาพการจราจรและอุปกรณ์ต่าง ๆ ของรถสัก 2-3 วันแล้วค่อยว่ากัน
2. ถ่ายภาพภายในภายนอกรถโดยละเอียดทั้งวันรับและส่งรถ
ไมน่าเชื่อว่าประเทศในยุโรปจะมีผู้ประกอบการรถเช่าที่ค่อนข้าง tricky โดยเฉพาะพวกที่ให้เช่ารถราคาถูก พวกนี้จะปล่อยราคาล่อตาล่อใจลูกค้า แล้วพยายามขายประกันราคาเวอร์เกินจริง หากไม่ซื้อก็อาจจะเจอปัญหาตามเก็บค่าเสียหายตามหลังจากบัตรเครดิตของเรา ต้องมานั่งปวดตับกันภายหลัง ดังนั้นก่อนรับรถและหลังรับรถให้ถ่ายภาพหรือ VDO สภาพรถไว้โดยละเอียดเพื่อเป็นหลักฐาน ตำหนิต่าง ๆ บนรถต้องระบุให้ชัดบนเอกสารรับรถเพื่อไม่ให้มีปัญหาในภายหลัง …
3. อย่าลืมเตรียมใบขับขี่สากล
อันที่จริงบริษัทรถเช่าส่วนใหญ่ยอมรับใบขับขี่บ้านเราแบบที่เป็น smart cad ซึ่งมีข้อมูลต่าง ๆ เป็นภาษาอังกฤษกำกับ แถมผมเคยเจอ case รถเสียต้องให้ตำรวจเยอรมันมาช่วย ตอนยื่นใบขับขี่สากลให้ดูพี่แกทำหน้างง ๆ เพราะมันเป็นเล่มกระดาษแข็ง ดูแล้วไม่เหมือนใบขับขี่ พอเปลี่ยนเป็นแบบ card เท่านั้นแหละคุณตำรวจก็บอก ok ok … แต่ที่ผมนำให้เตรียมใบขับขี่สากลซึ่งเสียค่าธรรมเนียมเพียง 500 บาษเศษ ๆ ไปด้วย ก็เพราะเราไม่รู้ว่าตำรวจคนอื่น ๆ เขาจะ ok กันทุกคนหรือเปล่า และที่สำคัญในกรณีเกิดเหตุไม่คาดฝันต้องมีการ claim ประกัน ใบขับขี่ธรรมดาอาจไม่สามารถใช้ในการอ้างอิงได้ ดังนั้นแนะนำว่าอย่าเสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่ายเลย ยอมเสียเวลาเสียเงินนิด ๆ หน่อย ๆ เพื่อความสบายใจดีกว่า
4. หมายเลขฉุกเฉิน
ไปขับรถต่างบ้านต่างเมือง อะไรก็เกิดขึ้นได้ครับ ดังนั้นควรมีหมายเลขสำหรับกรณีฉุกเฉินติดตัวไว้ตลอด อาทิ บริษัทรถเช่า, ตำรวจ เป็นต้น
5. ปฏิบัติตามกฎจราจรโดยเคร่งครัด (ความเร็ว, ห้ามจอด, ห้ามเข้า, ที่จอดรถ)
อย่าได้คิดว่ากฎหมายบ้านเมืองเขาจะอ่อนแอเหมือนประเทศเรา ที่โน่นโทษปรับสูงมากเมื่อเทียบกับบ้านเรา ผมเจอมาแล้ว ขับรถเกิน limit โดนเรียกเก็บตามหลังเกือบหมื่นบาท ดังนั้นก่อนไปควรหาข้อมูลเรื่องกฎจราจร, สัญลักษณ์ป้ายจราจรที่สำคัญ, การจำกัดความเร็วในถนนประเภทต่าง ๆ รวมถึงข้อมูลการห้ามจอดหรือห้ามเข้าในบางพื้นที่ด้วย มิเช่นนั้น อาจต้องมาเครียดกับการเรียกเก็บค่าปรับกันภายหลัง
6. สติ๊กเกอร์สำหรับใช้ Motor way
ในบางประเทศ เราจำเป็นต้องซื้อ sticker ติดหน้ากระจกเพื่อใช้ motor way ในประเทศนั้น ๆ อาทิ Switzerland, Czech, Austria เป็นต้น บางครั้งบริษัทรถเช่าจะรวม sticker ทางด่วนในประเทศนั้น ๆ ให้แต่หากต้องข้ามแดน อย่าลืมซื้อก่อน ซึ่งโดยทั่วไปมีขายตามร้าน minimart แถว ๆ ชายแดน โดยอาจมีให้เลือกเป็นแบบ 7 วัน 15 วันหรือ 1 เดือนเป็นต้น
7. เลือกประกันภัยที่เหมาะสม
สำหรับการเช่ารถในโซนยุโรป ส่วนใหญ่จะมีประกันมาตรฐานรวมไปในค่าเช่ารถแล้ว ซึ่งเรียกว่า CDW เป็นรูปแบบประกันที่อาจต้องการการจ่ายค่าเสียหายบางส่วนขึ้นกับชนิดของรถที่เช่า โดยผู้เช่าอาจซื้อแบบที่ไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มเลยในกรณีเกิดการเสียหาย แต่แน่นอนว่าเบี้ยจะแพงกว่าพอสมควร และบริษัทรถเช่าก็จะพยายามให้ทำประกันแบบนี้คงเป็นเพราะได้ค่าคอมมิสชันสูงนั่นเอง อีกเรื่องที่ควรทราบคือประกันบางประเภทไม่รวมการเสียหายที่เกิดกับยาง, กระจกและความเสียหายของอุปกรณ์ตกแต่งภายในตัวรถเป็นต้น … โดยทั่วไปแล้วหากเช่ารถกับบริษัทชั้นนำ มักจะไม่ค่อยมีกรณีพิพาทมากนัก แต่บางบริษัทอาศัยการให้ราคาถูกกว่าบริษัทใหญ่ ๆ แล้วมาฟันค่าประกันภายหลัง หรือไม่ก็ชาร์จค่าเสียหายหลังจากที่เราคืนรถแล้วดังกล่าวที่ได้กล่าวไว้ในข้อ 2 … มีอีกวิธีหนึ่งในกรณีที่ไม่อยากซื้อประกันแพง ๆ จากบริษัทรถเช่า สามารถซื้อประกันเดินทางแบบที่รวมการชดเชยค่าเสียหายส่วนแรกของรถเช่าไว้ด้วยก็ได้เช่นกัน
8. GPS สำคัญมาก
แม้ว่าจะมีแผนที่ติดตัวไป แต่ GPS ก็ยังถือเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญมากสำหรับการขับรถท่องเที่ยวในยุโรป เพราะจะช่วยลดอัตราการหลงทางได้มาก ก่อนไปควรเตรียมค่า co-ordinate เพื่อป้อนลงใน GPS ให้เรียบร้อย และต้องไม่ลืมว่าชื่อสถานที่ใน GPS อาจสะกดด้วยภาษาท้องถิ่น ทำให้หาไม่เจอเมื่อค้นด้วยชื่อภาษาอังกฤษ ดังนั้นการมีพิกัดเป็น co-ordinate จะช่วยลดปัญหาตรงนี้ได้
สำหรับการใช้ Google map ในมือถือเพื่อนำทางนั้นก็พอจะทำได้เหมือนกัน แต่ผมอยากแนะนำให้เป็นแผนสำรองมากกว่าเพราะความแม่นยำจะน้อยกว่า GPS
9. ศึกษาเส้นทางก่อนเสมอ
แม้จะมี GPS ในการนำทาง แต่ควรศึกษาเส้นทางให้ดีก่อนเสมอ ยิ่งเดี๋ยวนี้มี Google map, Google street view ยิ่งทำให้การวางแผนเส้นทางทำได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผมเองมักจะใช้ Google street view ไปส่องตามจุดเลี้ยวสำคัญ หรือทางเข้าที่พักอยู่เสมอ ซึ่งจะช่วยให้เราพอนึกภาพออกในวันเดินทางจริงว่าจะไปทางไหน แต่ต้องไม่ลืมว่า Google street view บางทีก็ไม่ update นัก หน้าตาของจริงอาจไม่เหมือนกับที่เห็นในจอก็เป็นได้
อีกประการที่ควรทราบคือ GPS มักมี option ให้เลือกเส้นทางได้ว่าจะไปเส้นทางใกล้ที่สุด, เร็วที่สุด, เลี่ยงทางด่วนอะไรประมาณนี้ การวางแผนการเดินทางที่ถูกต้องจะทำให้ GPS นำเราไปบนเส้นทางที่ตรงใจเรามากที่สุดนั่นเอง
10. เส้นทางบางสายอาจปิดในบางฤดูกาล
บางทีอุตส่าห์วางแผนการเดินทางซะดิบดี พอไปจริงเส้นทางกลับปิดซะงั้น โดยเฉพาะ pass ต่าง ๆ ที่ผ่านเทือกเขาสูง ซึ่งวิวจะสวยมาก แต่เส้นทางเหล่านี้มักปิดในบางฤดูกาล หากเดินทางในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิหรือต้นฤดูหนาวต้องระมัดระวังและตรวจสอบก่อนเสมอ ไม่งั้นจะพลาดท่าเสียเวลาได้
หวังว่าทั้ง 10 ข้อข้างต้นจะทำให้การขับรถเที่ยวยุโรปของเพื่อน ๆ สนุกสนานและปลอดภัยนะครับ 🙂
ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ
ถ้าผ่าน Austria ไปเที่ยวอิตาลี แล้วกลับมาเที่ยว Austria สติ๊กเกอร์ทางด่วนต้องซื้อครอบคลุมเวลาทั้งหมด รวมทั้งที่อยู่ในอิตาลี่ด้วยรึปล่าวค่ะ…?
ขอบคุณค่ะ มีประโยชน์มาก