เพื่อน ๆ นักถ่ายภาพหลายคนคงเคยเห็นช่างภาพที่ใช้กล้อง SLR กับแฟลชและปรับยกหัวแฟลชขึ้นไปด้านบน แถมบางครั้งมีกระดาษหรือแผ่นพลาสติกขาว ๆ เหมือนกะบังแปะไว้ที่หัวแฟลชด้วย ยิ่งกว่านั้นบางทีเป็นผ้าใบสีขาว ๆ อันเบ้อเริ่มติดอยู่ที่หัวแฟลชก็คงเกิดความสงสัยกันบ้างว่ามันเอาไว้ทำอะไรหว่า หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมไม่ยิงแฟลชไปที่ตัวแบบตรง ๆ เลย จะไปยกแล้วสะท้อนกลับมาให้มันวุ่นวายทำไม วันนี้ก็เลยนำมาเปรียบเทียบการถ่ายภาพทั้งสองแบบมาให้ดูกันครับ
ภาพแรกเป็นการใช้แฟลชยิงไปที่ตัวแบบตรง ๆ จะเห็นได้ว่าแสงที่ตกกระทบตัวแบบซึ่งเป็นแสงตรง ๆ จะทำให้ภาพดูแข็ง หรือจะเรียกว่าดูลอย ๆ ก็ได้
ส่วนภาพที่สองปรับให้หัวแฟลชยกขึ้นประมาณ 60 องศา และใช้แผ่นสะท้อนแสงแฟลช (ผมใช้แฟลชรุ่น SB800 ซึ่งมีแผ่นดังกล่าวติดมากับตัวแฟลชด้วย)
จะเห็นได้ว่าภาพที่ได้จะดูเป็นธรรมชาติมากกว่า และดูไม่ลอยเหมือนกับภาพแรก … ทีนี้ก็คงพอนึกออกกันแล้วนะครับว่าทำไมช่างภาพเขาจึงต้องปรับหัวแฟลชให้มันเงยขึ้นด้วย …
ในกรณีที่มีถ่ายในร่มซึ่งมีเพดานสีขาว และเพดานไม่สูงมากนัก อาจไม่จำเป็นต้องใช้กะบังก็ได้เพราะสามารถให้แสงสะท้อนจากเพดานได้เลย แต่ถ้าเพดานอยู่สูงเกินไปหรือระยะห่างกับตัวแบบมากไปและกำลังแฟลชไม่มากพอก็อาจจะทำให้ตัวแบบได้รับแสงไม่พอก็เป็นไปได้ เนื่องจากวิธีการดังกล่าวนี้จะสูญเสียแสงแฟลชไปกว่าการยิงตรง ๆ มากพอสมควร
ในกรณีที่เห็นเป็นกล่องที่ทำด้วยผ้าใบสีขาวนั้น เสมือน softbox ขนาดเล็กที่ช่วยทำให้แสงที่ได้นุ่มนวลมากยิ่งขึ้นครับ ซึ่งเดี๋ยวนี้มีแบบสำเร็จรูปขายตามท้องตลาดมากมาย ถ้าเป็นยี่ห้อเดียวกับตัวกล้องก็ค่าตัวแพงหน่อย แต่ถ้าเป็นยี่ห้ออื่นที่ทำมาให้ใช้กันได้ก็ประหยัดได้พอสมควรครับ
ภาพทั้งสองที่ผมนำมาแสดงเป็นกรณีที่ใช้แฟลชเพื่อการลบเงา เนื่องจากตัวแบบมีแสงน้อยกว่าฉากหลัง หากไม่ใช้แฟลชตัวแบบก็จะมืด หรือถ้าชดเชยแสงให้ตัวแบบแสงพอดี ด้านหลังก็จะสว่างจ้าจนไม่เห็นรายละเอียด ถ้าเป็นกรณีที่ตัวแบบอยู่ใกล้กับผนัง การที่เราใช้แผ่นสะท้อนแสงแฟลชก็จะช่วยให้เกิดเงาที่ผนังด้านหลังแบบน้อยลง หรือเกิดเงาที่ดูนุ่มนวลไม่แข็งเหมือนกับเงาที่ได้จากการยิงแฟลชตรง ๆ
เมื่อทราบวิธีการแล้วก็ลองนำไปใช้กันดูนะครับ เพื่อน ๆ จะได้ภาพจากการใช้แฟลชที่สวยสมจริงมากยิ่งขึ้นครับ