ตอนที่แล้ว : บนเส้นทางสู่ Lake Tekapo และ MT. Cook
บทความทั้ง 12 ตอน
ก่อนเดินทาง : วันเดินทาง : Lake Tekapo/MT. Cook :
Arrow Town/Queenstown : Milford Sound : Teanau :
Wanaka/Fox Glacier : Lake Matheson/Franz Josef Glacier :
Pancake Rock/Arthur Pass : Christchurch : บทสรุป
– – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – –
วันนี้ผมตื่นแต่เช้าเพื่อเก็บภาพบรรยากาศใกล้ ๆ โรงแรม และรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นแม่คนิ้งเป็นครั้งแรกเพราะอยู่เมืองไทยยังไม่เคยเห็นซักที นอกจากน้ำแข็งจะเกาะบนยอดหญ้าสีขาวโพลนไปหมดแล้ว ยังเกาะหลังคารถของพวกเราทั้งสองคันจนต้องเอาน้ำร้อนมาราดก่อนที่จะออกเดินทางกันทีเดียว
น้ำแข็งเกาะยอดหญ้ากับแสงยามเช้าที่ Twizel
เราออกโบกมือลา Twizel กันแล้วมุ่งหน้าลงใต้โดยแวะจอดที่ Salmon Farm ซึ่งอยู่ห่างจากเมือง Twizel เพียงไม่กี่อึดใจ และถือโอกาสถ่ายภาพบรรยากาศสวย ๆ บริเวณอ่างเก็บน้ำตรงข้าม Salmon Farm ที่มีไอหมอกลอยละล่องอยู่เหนือผิวน้ำและมีภูเขาหิมะตระหง่านอยู่ด้านหลังโดยมีเมฆเคล้าคลออยู่เหมือนอยู่บนสวรรค์เลยทีเดียว (พูดยังกะเคยไปมาแล้ว อิอิ)
บรรยากาศตรงข้ามฟาร์มแซลมอน
และใกล้ ๆ กับ Salmon Farm นี่เองมีบึงน้ำที่เต็มไปด้วยต้นไม้เปลี่ยนสี ทำเอาพวกเราต้องแวะกันอีกครั้งเพื่อแทนที่พื้นที่ว่างใน memory card ด้วยภาพสวย ๆ ที่สุดแสนประทับใจ
เราขับรถบนเส้นทางสาย 8 โดยให้สาว ๆ นักช็อปซื้อเสื้อกันหนาวกันที่เมือง Omarama ส่วนผมก็ถือโอกาสเก็บภาพบรรยากาศรอบ ๆ ร้านกับนางแบบส่วนตัว ซึ่งท้องฟ้าตอนนี้สวยงามสะใจมาก ก็เลยถือโอกาสถ่ายภาพด้วยเลนส์ไวด์กับมุมกล้องแบบแปลก ๆ เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ
เราออกเดินทางกันต่อผ่านเส้นทางที่เรียกว่า Lindis Pass ซึ่งภูมิประเทศเปลี่ยนเป็นภูเขาสลับซับซ้อน ดูคล้าย ๆ ทะเลทรายแต่ภูเขาถูกปกคลุมด้วยหญ้าสลับกับดินสีน้ำตาลเข้มสวยแปลกตาไปอีกแบบ และที่นี่เองรถอีกคันของคณะเรายางรั่วแถมยางอะไหล่ใต้ท้องรถก็ไม่มีลมซะอีก จึงต้องออกแรงนำยางอะไหล่จากรถคันของผมไปเปลี่ยนให้แทน แต่พวกเราก็ยังไม่อุ่นใจนักเพราะขนาดยางของรถสองคันไม่เท่ากัน (R15 กับ R16) จากจุดนี้ไปพวกเราซึ่งเป็นคันหน้าจึงต้องขับโดยมองหลังตลอดและใช้ความเร็วไม่สูงมากนัก เนื่องจากตอนยางรั่วรถคันของเราขับเลยไปไกลก่อนจะย้อนกลับมาหาเพราะมัวแต่สนุกกับการชมวิวและผลัดกันร้องเพลง แถมเจ้าวิทยุสื่อสารที่ใช้ระหว่างรถสองคันก็มีแรงส่งไม่เพียงพอที่จะติดต่อกันได้อีกด้วย … ถ้าเพื่อน ๆ เช่ารถขับเที่ยวไม่ว่าจะที่เมืองไทยหรือต่างประเทศก็ยอมเสียเวลาตรวจเช็คยางอะไหล่และอุปกรณ์เปลี่ยนยางทุกครั้งนะครับ อย่าไปเชื่อใจฝรั่งมาก ไม่งั้นอาจจะตกที่นั่งลำบากได้ถ้าเกิดปัญหาขึ้นมา
ภูเขาสลับซับซ้อนกับท้องฟ้าใสที่ Lindis Pass
พวกเราแวะทานข้าวเที่ยงกันที่เมือง Cromwell และซื้อผลไม้ติดมือเพื่อมาทานกันบนรถ โดยมีไอศกรีมผลไม้สดเป็นของหวานสำหรับมื้อเที่ยง ซึ่งรส Burry ที่ผมเลือกตามคำแนะนำจากหนังสืออร่อยตามคำล่ำลือจริง ๆ อันนี้ต้องยกเครดิตให้คุณ SF-The KOP แห่ง Pantip ครับ และที่หน้าร้านนี้เองมีเจ้าต้นไม้ทรงสูงที่ผมเล่าให้ฟังไปแล้วปลูกเรียงรายเต็มไปหมด แต่ด้วยสภาพแสงที่มีเมฆค่อนข้างเยอะทำให้ภาพที่ออกมาไม่สวยสดใสเท่าที่ควร
ผลไม้สด ๆ ที่ Cromwell
หลังจากซื้อของกันพอหอมปากหอมคอ เราก็มุ่งหน้าต่อโดยทางในช่วงนี้เลียบลำธารโดยมีต้นไม้ใหญ่ที่กำลังเปลี่ยนสีแซมอยู่เป็นระยะ ถ้าเราทานข้าวกันใต้ต้นไม้ริมลำธารคงเป็นบรรยากาศที่สุดยอดจริง ๆ เสียดายที่ช่วงนี้ผมรับหน้าที่เป็นพลขับก็เลยไม่มีโอกาสได้เก็บภาพมาฝาก แต่ถ้าเพื่อน ๆ ใช้เส้นทางสายนี้ผมรับรองได้ว่าจะต้องได้ภาพที่สวยมาก ๆ แน่นอนครับ
เนื่องจากเราเสียเวลาไปกับเหตุการณ์ที่ไม่คิดคิดทำให้พวกเราถึงเมือง Arrow Town ที่เราจะพักค้างคืนช้ากว่ากำหนดการเล็กน้อย แต่ก็ยังทันกับภาพอันงดงามของต้นไม้ที่กำลังเปลี่ยนสีทั่วไปทั้งเมือง แม้แต่ต้นสนบนภูเขาที่อยู่ใกล้เมืองก็ยังเปลี่ยนเป็นสีเหลือง สีส้มเต็มไปหมด ทำเอาผมแทบจะต้องวิ่งรีบเก็บบรรยากาศอันตรึงตานี้แข่งกับเวลาที่พระอาทิตย์กำลังจะคล้อยไปด้านหลังภูเขาอันจะทำให้พลาดโอกาสที่จะได้ภาพของใบไม้ที่มีแสงส่องมาทางด้านหลังเหมือนกระจกสีระยิบระยับทั่วทั้งเมือง
Arrow Town กำลังเปลี่ยนเป็นสีเหลือง-แดงไปทั่วทั้งเมือง
นอกจากความงดงามของต้นไม้และใบไม้แล้ว ร้านค้า อาคารบ้านเรือนของที่นี่ยังถูกตกแต่งอย่างน่ารักมาก จะว่าไปแล้วก็คล้าย ๆ เมืองปายบ้านเรานั่นเอง
ตึกรามบ้านช่องสวยงาม น่ารักมากทีเดียว
ผมใช้เวลาเก็บบรรยากาศอยู่ราว 1 ชั่วโมงก็ได้เวลานัด เพื่อเดินทางต่อไปยัง Queenstown ซึ่งอยู่ไม่ไกลนักเพื่อไป shopping และหาซื้อหารสำหรับมื้อต่อ ๆ ไป โดยระหว่างทางเราแวะขึ้นไปยัง Coronet Peak ซึ่งเป็นจุดเล่นสกีในช่วงฤดูหนาวเพื่อสัมผัสกับหิมะตัวเป็น ๆ เนื่องจากหลาย ๆ คนยังไม่เคยได้เจอรวมถึงตัวผมด้วย
วันนี้หิมะบนยอดเขามีไม่มากนัก แต่ก็พอทำให้คนในเขตร้อนอย่างพวกเราตื่นเต้นกันได้พอสมควร อีกทั้งวิวบนยอดเขาที่มองเห็นชานเมืองของ Queenstown และ Lake Wakatipu ก็ตรึงตาไม่น้อยทีเดียว
ชมวิวและสัมผัสหิมะที่ Coronet Peak
พวกเรามาถึง Queenstown ก็เย็นมากแล้ว แถมอากาศก็เย็นจัดอีกต่างหากเพราะมีลมผสมด้วย ผมรีบมุ่งตรงไปถ่ายภาพริมทะเลสาบช่วงที่ฟ้ากำลังเปลี่ยนสี และเก็บบรรยากาศของท่าเรือยามค่ำในช่วงที่ฟ้ากำลังเปลี่ยนเป็นสีครามเข้มซึ่งเป็นภาพแนวโปรดของผม เพราะภาพแบบนี้จะสวยและดูต่างจากมองด้วยตาเปล่า ใครเห็นก็มักจะถามทุกครั้งว่าถ่ายได้ยังไง ทำให้ผมมีเรื่องฝอยได้อีกหลายนาทีไม่เสียยี่ห้อคนเล่นกล้อง หุหุ
บรรยากาศที่ Queenstwon
หลังจากเริ่มทนความหนาวไม่ได้จึงต้องอำลาทะเลสาบมุ่งเข้าเมืองเพื่อดูของที่ระลึกฝากเพื่อน ๆ และลูกน้อง ซึ่งก็ไม่ผิดหวังครับได้ผลิตภัณฑ์จากแกะมาหลายกล่องแถมด้วยเสื้อกันหนาวจาก Wool ของคุณผู้หญิงเพื่อสวมใส่สกัดความหนาวสำหรับการท่องเที่ยวหลังจากนี้
บรรยากาศในเมือง Queenstown
ได้เวลานัดหัวหน้าทัวร์ของเราซึ่งเสียสละเป็นคนไปจัดซื้อวัตถุดิบปรุงอาหารก็มาถึงยังที่นัดหมายพร้อมกับหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ตัวโต ๆ เพื่อเป็นอาหารมื้อเด็ดประจำคืนนี้ ร่วมกับแซลมอนสด ๆ จากฟาร์ม มาทำเป็นปลาดิบ ทำเอาคอซีฟู้ดอิ่มจนพุงกางลืมปัญหาเรื่องยางรถเมื่อกลางวันกันทุกคน โดยคืนนี้เราพักกันที่ Viking Lodge Motel ที่ห้องพักเป็นทรงสามเหลี่ยมมี 2 ชั้น ห้องพักแม้จะไม่กว้างขวางมากนัก แต่ก็สะอาดและสวกสบายและเป็นอีกที่หนึ่งซึ่งน่าพักมากทีเดียว
Motel ที่ Arrow Town
– – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – –
ตอนต่อไป : อลังการ Milford Sound
ชอบ Queenstown เหมือนกันครับ ใครที่วางแผนไปอยากให้ลองเผื่อเวลาให้ที่นี่มากหน่อย ตอนผมไปเผื่อไว้แค่วันเดียว รู้สึกว่ายังเสพบรรยากาศได้ไม่จุใจ
ถ้าเช่ารถที่ เพียวคาร์เร้นท์ ไม่มีปัญหายางสแปร์ครับ ฮิๆ ไม่เชื่อลองเช่าดู แต่ยังไม่มีสาขาที่นิวซีแลนด์ มีแต่ที่ภูเก็ต
รูปที่สองนั่นก็สวยเหมือนสวรรค์จริงๆ