ตอนที่แล้ว : เมืองแห่งใบไม้เปลี่ยนสีที่ Arrow Town และสวรรค์ของนักช็อปที่ Queenstown
บทความทั้ง 12 ตอน
ก่อนเดินทาง : วันเดินทาง : Lake Tekapo/MT. Cook :
Arrow Town/Queenstown : Milford Sound : Teanau :
Wanaka/Fox Glacier : Lake Matheson/Franz Josef Glacier :
Pancake Rock/Arthur Pass : Christchurch : บทสรุป
– – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – –
วันนี้เป็นวันที่เราต้องขับรถกันยาวนานที่สุด เพราะต้องเดินทางไปยัง Milford Sound ซึ่งต้องขับรถเกือบ 5 ชั่วโมง เราจึงต้องเตรียมอาหารเช้าไปทานกันในรถและออกเดินทางกันตั้งแต่ 6 โมง … บรรยากาศริมทางสาย 6 วันนี้จึงสวยงดงามไปอีกแบบ เพราะเราได้เห็นไอหมอกคลอเคลียอยู่กับทุ่งหญ้าและทิวเขา อีกทั้งแสงอาทิตย์ที่ส่องไปบนยอดเขาซึ่งมีหิมะปกคลุมนั้นสวยงามจริง ๆ เสียดายที่วันนี้เราต้องทำเวลาและผมก็เป็นผู้ขับรถ จึงต้องบันทึกภาพเหล่านี้ไว้ในความทรงจำเท่านั้น
เราแวะเติมน้ำมันกันที่เมือง Te Anau ซึ่งจะเป็นที่พักของเราคืนนี้ แล้วเดินทางต่อบนเส้นทางสาย 94 ซึ่งเป็นอีกเส้นหนึ่งที่สวยงามมาก ในช่วงก่อนถึงอุโมงค์ลอดภูเขา รถค่อย ๆ ไต่ระดับความสูง โดยข้างทางเปลี่ยนจากทุ่งหญ้าเป็นต้นไม้ใหญ่ที่ชุ่มชื้น และมีลำธารสีฟ้าใสไหลรินอยู่เป็นระยะทางหลายกิโลเมตร
ลำธารสีฟ้ากับป่าเขียวชอุ่ม
หลังจากที่ขับผ่านอุโมงค์ที่รถต้องรอคิวเนื่องจากถนนเป็นเลนเดียวแล้ว ไม่นานนักก็ถึง Milford Sound ทั้งนี้เราต้องรอเรือราว 1 ชั่วโมง ผมจึงถือโอกาสเก็บภาพวิวบริเวณใกล้ ๆ ลานจอดรถซึ่งนับว่าโชคดีที่วันนี้มีเมฆมากแต่ก็ยังมีฟ้าใส ๆ บ้างเป็นบางมุมทำให้ภาพดูแล้วไม่หมองหม่นจนเกินไป
ความงดงามของ Milford Sound
Milford Sound เป็นส่วนที่น้ำทะเลยื่นเข้ามาใน Fjord ทำให้ทิวทัศน์บริเวณนี้ดูยิ่งใหญ่ด้วยภูเขาที่มีน้ำตกหลายสายไหลลงมาจากยอดเขาอันเนื่องมาจากการละลายของหิมะนั่นเอง
เมื่อได้เวลาเรือออก พวกเราก็รีบจองที่เพื่อตั้งโต๊ะทานอาหารเที่ยง ฝรั่งหลาย ๆ คนคงรู้สึกแปลกตาเล็กน้อยกับ Thai style buffet ที่วันนี้เมนูเด็ดคือ แกงไตปลาแห้งจากภูเก็ตที่ผมนำมาฝาก กับข้าวสวย (ที่ไม่ร้อนซะแล้วเพราะอากาศเย็นเหลือเกิน)
หลังจากเติมพลังแล้วผมก็รีบขึ้นดาดฟ้าเรือเพื่อจับจองมุมถ่ายภาพ … เรื่อค่อย ๆ แล่นห่างท่าไปเรื่อย ๆ ซึ่งช่วงแรกนี้ถ่ายภาพยากมาก เพราะน้ำตกซึ่งอยู่ด้านขวาของเรือนั้นอยู่ภายใต้เงาของภูเขาแถมย้อนแสงอีก ค่าที่วัดจากเครื่องวัดแสงในตัวกล้องนั้นแทบเชื่อไม่ได้เพราะแสงจะ over เนื่องจากโทนสีของใบไม้บนภูเขาหลอกให้กล้องนึกว่ามีแสงน้อยทำให้กล้องเปิดรับแสงนานกว่าที่ควรจะเป็น ทำให้บางภาพผมต้องชดเชยแสงกว่า 2 สตอปจึงให้ค่าแสงที่ถูกต้อง แต่สีก็ยังไม่สวยสดอยู่ดีเพราะเหมือนมีไอหมอกมาปกคลุมโดยตลอด
ผมก็เลยถ่ายเก็บรรยากาศภาพบุคคลเป็นส่วนใหญ่และเลือกใช้ฉากหลังเป็นภูเขาอีกด้าน แม้ว่าไม่มีน้ำตกแต่ก็มีฟ้าใส ๆ มาชดเชย และเมื่อเรือแล่นมาถึงทะเลใหญ่ก็หันหัวเรือกลับ โดยขากลับจะแล่นเข้าไปใกล้ด้านที่มีน้ำตก ซึ่งจะผ่านบริเวณที่มีเจ้าสิงโตทะเลนอนอาบแดดอยู่ด้วย และ highlight ก็อยู่ตอนที่เรือแล่นเข้าไปหาน้ำตกในระยะประชิดจนผู้ชมตรงหัวเรือต้องวิ่งหนีกันเพราะกลัวเปียก ส่วนผมนั้นก็หนีเหมือนกันแต่เพราะกลัวกล้องจะพัง หุหุ
เดิมทีผมคิดว่านี่คงเป็นสุดยอด highlight แล้ว แต่ที่ไหนได้ก่อนถึงท่าเรือก็มีเจ้าโลมาฝูงใหญ่ปรากฏตัวให้เห็น และไม่เพียงเท่านั้นมี 3-4 ตัวที่ว่ายน้ำขนาบเรือ พร้อมกับกระโดดทั้งแบบธรรมดาและม้วนตัวเรียกเสียงปรบมื้อให้กับนักท่องเที่ยวบนเรือดังสนั่น ทำเอาผมสนุกไปกับการกดชัตเตอร์จับจังหวะตอนเจ้าโลมากระโดดเสียจน memory แทบเต็มเลยทีเดียว
ระหว่างทางขากลับผมแวะถ่ายภาพจุดที่หมายตาไว้ น่าเสียดายที่ได้แวะเพียงจุดเดียวเพราะรถอีกคันต้องรีบกลับเข้าเมืองเพราะนัดร้านเปลี่ยนยางเอาไว้ แม้แต่ mirror lake ซึ่งอยู่ริมทางที่ผมคิดว่าต้องแวะให้ได้ตอนขากลับก็ต้องขับผ่านไปด้วยความเสียดายเพราะเกรงใจผู้ร่วมเดินทางและต้องถือเรื่องความปลอดภัยของรถอีกคันเป็นหลัก
ค่ำคืนนี้เราพักกันที่โรงแรม edge water ซึ่งตั้งอยู่ริมทะเลสาบ โดยห้องที่พวกเราพักนั้นอยู่บนชั้น 2 มีครัวที่เป็นสัดส่วนมีประตูกั้นแยกกับห้องรับแขก (ที่อื่น ๆ จะไม่มีประตูกั้นทำให้กลิ่นของอาหารเข้ามาในห้องรับแขก) ทำให้ผมซึ่งอาสานอนที่ห้องรับแขกหลับง่ายสบายจมูกไปเลย อิอิ
– – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – –
ตอนต่อไป : จาก Te Anau สู่ Wanaka
ทางที่ไป Milford Sound สวยดีครับ และสงบมาก แต่ความเห็นผม รู้สึกว่าไม่ค่อยคุ้มค่าเงินที่ขึ้นเรือไปดูน้ำตก เพราะรู้สูกว่าไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจมากนัก ตอนผมไปไม่เห็นปลาโลมา แต่มีแมวน้ำตามโขดหินเป็นระยะ
ผมได้เสียเงินลงไปดู Aquarium ด้วย ยิ่งรู้สึกว่าไม่คุ้มใหญ่เลย เพราะเป็น Aquarium ธรรมชาติ ตอมผมลงไป เห็นแต่ปลาตัวเล็กๆ