หลังจากค่ำคืนแรกที่บาหลีผ่านไป ผมตื่นแต่เช้าเพื่อเก็บภาพบรรยากาศรีสอร์ท ซึ่งจะรีวิวแยกจากโปรแกรมท่องเที่ยวให้เพื่อน ๆ ชมอีกครั้งหนึ่งนะครับ … เช้าวันนี้ผมทานอาหารที่ Buffe ของโรงแรม และนัดพบกับ Leong มารับตอน 9:30 โดยจุดหมายแรกของเราวันนี้คือ Goa Gajah หรือถ้ำช้าง ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากที่พักของเรามากนัก … เราเสียค่าเข้าชมคนละ 15,000 IDR พร้อมได้รับผ้าคาดเอวด้วย ที่นี่มีถ้ำซึ่งปากทางเข้าเป็นหินที่ถูกสลักเป็นรูปยักษ์ เมื่อเดินเข้าไปด้านในจะเป็นรูปตัวที ด้านหนึ่งเป็นรูปปั้นของพระพิฆเนศ อีกด้านเป็นรูปปั้นศิวลึงค์ 3 แท่งด้วยกัน ทั้งนี้สถานที่บริเวณนี้เคยถูกใช้เป็นสถานที่นั่งสมาธิและทำพิธีกรรมใสสมัยโบราณ
ด้านหน้าของถ้ำจะมีสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่มีรูปปั้นหญิงสาวที่มีน้ำไหลออกมาจากรูปปั้น เชื่อกันว่าถ้าใครได้ดื่มก็จะสมความปรารถนา นอกจากนี้ยังมีกองหินเป็นกอง ๆ หลายกองวางเรียงอยู่บนลานใกล้ ๆ กัน แต่ผมถาม Leong ดูแล้วเขาก็บอกว่าไม่ได้มีความหมายอะไร 🙁
ระหว่างที่เดินชมสถานที่อยู่ก็มีคุณลุงคนนึงเดินเข้ามาถามว่ามีไกด์หรือยังจะพาเที่ยวชมสถานที่ แกพาเดินลัดเลาะไปเส้นทางด้านหลังที่ผมไม่เคยเห็นเพื่อน ๆ นำภาพมารีวิว ผ่านนาข้าว และสวนผลไม้ แกพยายามชี้ให้ดูต้นกล้วย และผลไม้อื่น ๆ อีกมากมาย ตอนนั้นอยากบอกลุงแกว่าบ้านผมมีเยอะแยะ แต่เกรงใจ หุหุ… นอกจากนี้ก็พาไปทำพิธีเพื่อเป็นศิริมงคงคล และก็ต้องบริจาคและทิปตามระเบียบ แต่ที่น่าสนใจคือทางเดินช่วงหนึ่งมีน้ำตกเล็ก ๆ กับสะพานปูนที่ตะไคร่ขึ้นดูแล้วสวยดีก็เลยเก็บภาพบรรยากาศมาฝากด้วยครับ เส้นทางนี้เป็นเส้นทางสั้น ๆ เดินเป็นวงแค่ 10 นาทีก็จะมีทะลุอีกด้านหนึ่งของ Goa Gajah
มาชมวิวระหว่างเส้นทางเดินกันดีกว่า
ออกจาก Goa Gajah เราเดินทางต่อไปยัง Tirta Empul หรือวัดน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเสียค่าเข้าชมคนละ 15,000 IDR เช่นเดียวกับที่ Goa Gajah … วันนี้มีชาวบาหลีไปทำพิธีอาบน้ำศักดิ์สิทธิ์ไม่มากนัก แต่พิธีกรรมที่เขาทำนั้นทำให้เห็นได้ชัดว่าชาวบาหลียังคงยึดมั่นในพิธีกรรมดั้งเดิมและความเชื่อที่มีมาแต่โบราณ ทั้งนี้ผมใช้เวลาเก็บภาพที่นี่นานพอควร แรก ๆ ก็เกรงใจเหมือนกันที่ต้องถ่ายภาพชาวบาหลีกำลังทำพิธีกรรม แต่หลัง ๆ ก็อดใจไม่ได้เรียกได้ว่ากดแบบไม่ยั้งเลย หุหุ
มาชมภาพต่อเนื่องกันไปเลยดีกว่านะครับ
ปากทางออกของ Tirta Empul จะผ่านแผงขายของที่ระลึก ที่คนไทยเรียกว่าตลาดปราบเซียน … ยังไม่ทันผ่านร้านแรกเราก็โดนเรียกโดยแม่ค้าที่ใช้ภาษาไทย รับเงินไทย ทำให้สะดวกใจที่จะซื้อของเพราะไม่ต้องคำนวณอัตราแลกเปลี่ยนให้ยุ่งยาก … บอกตามตรงว่าจนถึงวันสุดท้ายก็ยังมึนกับการคำนวณอัตราแลกเปลี่ยนของอินโด หุหุ … ด้วยความใจอ่อนสไตล์คนไทยก็เลยมีของติดไม้ติดมือมาเยอะแยะ และก็ต้องมาเจ็บใจเมื่อยิ่งเดินเข้ามาลึกเท่าไหร่ ของที่เราว่าซื้อถูกแล้วยังต่อราคาได้อีกครึ่งหนึ่ง Oh my god ..ดังนั้นจำไว้เลยครับว่าที่นี่ต้องต่อแบบไม่เกรงใจจริง ๆ ไม่งั้นจะเจ็บใจภายหลัง นี่ขนาดผมรู้มาล่วงหน้าแล้วยังไม่วายซื้อของแพง หุหุ … ผมว่าถ้าพอรู้ราคาของหรือต่อเก่ง ๆ เพื่อน ๆ สามารถซื้อของฝากที่นี่ได้เลยเพราะราคาถูกกว่าในเมือง Ubud หรือ Kuta แน่นอนครับ
Shopping กันจุใจแล้วก็ได้เวลาเดินทางต่อไปยัง Kintamani ซึ่งเป็นจุดชมวิวภูเขาไฟและทะเลสาบของบาหลีครับ ซึ่งการเดินทางใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงผ่านเส้นทางเล็ก ๆ ที่มีป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์อยู่ตลอดสองข้างทาง บางช่วงผ่านสวนผลไม้และมีผลไม้วางขายข้างทางน่าทานมากแต่ราคาผลไม้ที่นี่แพง ไม่รู้ว่าเพราะเราเป็นนักท่องเที่ยวหรือเปล่าจึงขายราคากิโลละเกือบร้อยบาททั้งนั้น ก็เลย say no หุหุ
อากาศวันนี้ที่ Kintamani ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ฟ้าไม่ใสเอามาก ๆ แต่ผมก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรเพราะทำใจไว้แล้ว อีกอย่างที่เคยดูภาพมาก็ใช่ว่าวิวที่นี่จะสวยบาดใจ อาจเป็นเพราะผมเคยชมวิวทะเลสาบที่สวยมาก ๆ มาแล้วก็ได้ …. เราแวะตรงจุดชมวิวที่ทางการเตรียมไว้ให้เพื่อถ่ายภาพกันพักหนึ่ง ก็เดินทางต่อไปอีกหน่อยเพื่อทานอาหารเที่ยง ซึ่งเป็นแบบ Buffe ราคาคนละ 73,000 IDR (รวมภาษีแล้ว) น่าจะเป็นราคาต่ำสุดสำหรับนักท่องเที่ยวแล้วกระมัง เพราะบางกลุ่มจะถูกเสนอราคาสูงกว่านี้ เหมือนกับที่เพื่อน ๆ ใน pantip เคยลงข้อมูลไว้แล้ว ทั้งนี้ราคานี้ Leong เป็นคนบอกให้เราทราบล่วงหน้าและมาคุยกับพนักงานด้วยตัวเอง พอพนักงานทราบราคาก็เลยให้เรานั่งที่นั่งแถวใน เพราะที่นั่งวิวสวยด้านนอกกันไว้ให้นักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นที่จ่ายแพงกว่าว่างั้นเถอะ L เท่าที่สังเกตดูส่วนใหญ่จะเป็นชาวรัสเซียครับ ผมว่าคงโดนกันไปคนละเป็นแสนแน่เลย หุหุ … เรื่องรสชาติอาหารก็ตามที่เคยอ่านรีวิวครับ พอ-แหลก-ไล่ จะว่าไปก็ทานไม่คุ้มหรอกครับแต่ไม่มีตัวเลือกนี่นาทำไงได้
วิวที่คินตามณี (kintamani)
จาก Kintamani เราเดินทางต่อไปยังนาขั้นบันไดที่ Tegalalng ซึ่งถือเป็น highlight หนึ่งของโปรแกรมเที่ยวบาหลี ระหว่างทางผ่านหมู่บ้านที่ทำหัตถกรรมประเภทไม้แกะสลักรวมถึงงานฝีมืออื่น ๆ นอกจากนี้จะได้เห็นวิวนาขั้นบันไดสวย ๆ ก่อนที่จะถึงจุดชมวิวหลักตลอดสองข้างทาง เสียดายที่ผมเกรงใจ Leong ไม่กล้าบอกให้จอดบ่อย ๆ เพราะถนนค่อนข้างแคบ บางช่วงแทบจะเป็นเลนเดียวด้วยซ้ำ ก็เลยกลัวเขาจะไม่สะดวกใจ ทำให้พลาด shot เด็ด ๆ ไปเยอะทีเดียว เพราะสภาพแสงน้อยถ่ายจากในรถก็ได้ภาพที่ไม่ดีพอ … มาถึงจุดชมวิวก็ผิดหวังนิดหน่อยเพราะนอกจากสภาพแสงที่ไม่ค่อยดีแล้ว ช่วงนี้อยู่ระหว่างการลงข้าวใหม่ ทำให้นาไม่เขียวขจีอย่างที่หวังไว้ แต่ไม่เป็นไรครับเพราะฟอร์มของนาขั้นบันไดก็ยังมีสเน่ห์ไม่น้อย ก็เลยมีภาพมาฝากกันนิดหน่อย
ใกล้ ๆ จุดชมวิวจะเป็นแหล่งขายสินค้าหัตถกรรมและของฝากมากมาย ถ้ามีเวลาก็ลองแวะต่อรองราคากันได้นะครับ มีงานที่เหมาะเอาไว้แต่งบ้านสวย ๆ ราคาถูกเยอะแยะไปหมดครับ
โปรแกรมสุดท้ายของวันนี้ผมเดินทางเข้า Ubud Center เพื่อเที่ยวชมและหาซื้อของฝาก (อีกแล้ว) ซึ่งเมือง Ubud นอกจากจะเป็นศูนย์กลางของสินค้าพื้นเมืองบาหลีแล้ว ยังมีวัดสวย ๆ มากมาย เรียกได้ว่าเดิน 2 ชั่วโมงยังไม่ทั่วเลยครับ แต่เราก็ถูกจำกัดด้วยเวลาที่ใกล้ค่ำแล้วต้องหาอะไรรองท้องก่อนเดินทางกลับโรงแรม จึงต้องโบกมือลาแบบไม่ค่อยเต็มใจ ทั้งนี้ผมได้กดเงินที่เมือง Ubud จาก ATM ด้วยเพราะเงินที่เตรียมมาดูท่าจะไม่พอ เนื่องจากเดิมทีตั้งใจว่าจะใช้บัตรเครดิตแต่กลับพบว่าหลาย ๆ ร้านค้าจะขอชาร์จค่าบริการเพิ่มผมก็เลยต้องใช้เงินสดไป ผมเบิก ATM ไปสองล้าน IDR เลยทีเดียว อิอิ ทีแรกก็แอบกังวลเหมือนกันกลัวจะโดนค่าธรรมเนียมเยอะ พยายามหาข้อมูลจาก internet คืนก่อนหน้านี้ก็ไม่พบตัวเลขที่ชัดเจน แต่พอกลับเมืองไทยจึงรู้ว่าโดนชาร์จค่าธรรมเนียม 100 บาทซึ่งอยู่ในอัตราที่รับได้ครับ ก็บอกเป็นข้อมูลไว้สำหรับเพื่อน ๆ ที่เงินหมดระหว่างการเดินทาง ผมว่าดีกว่าเอาเงินไทยไปแลกเพราะได้ rate ต่ำมาก แต่ถ้ามี USD ก็แลกด้วย USD ดีกว่าครับ
ความหลากลายใน Ubud Center
มื้อค่ำวันนี้ผมทานที่ร้าน Dirty Duck ตามคำแนะนำของเพื่อน ๆ ใน pantip.com ครับ มาถึงร้านก็ surprise พอสมควรเพราะไม่คิดว่าจะเป็นร้านใหญ่ขนาดนี้ .. เมนูที่สั่งก็เป็นเมนูแนะนำของร้าน รสชาติอร่อยดีครับไม่ผิดหวัง แต่เสียดายที่เค้กที่ทานตบท้ายรสชาติไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไหร่ ค่าเสียหายมื้อนี้ก็ 275,000 สำหรับสองคนครับ ดีกว่า seafood ที่ Jimbaran เยอะ หุหุ
ผมเร่งทานมื้อเย็นเพื่อที่จะรีบกลับโรงแรมมาบันทึกแสงสุดท้ายของวันที่นี่ ก็เลยขอจบตอน 2 นี้ด้วยบรรยากาศสวย ๆ ยามค่ำที่ Kamandalu Resort & Spa แล้วพบกันใหม่ตอนต่อไปครับ
กำลังมองหาข้อมูลท่องเที่ยว บาหลีอยู่พอดี แต่พออ่านจบแล้ว รู้สึกว่า ท่องเที่ยวที่บาหลีอิ่มเลย
9MOT : อย่าอิ่มจนลืมไปสัมผัสด้วยตัวเองนะครับ
บาหลีดินแดนแห่งอารยธรรม ^^ เล่าเรื่องได้แจ่มและภาพสวยเหมือนเคยนะคะพี่มดเอ๊กซ์ …เหมือนได้ไปเที่ยวด้วยเลยค่ะ
ปล.ทริปนี้ยังมะเห็นรูปนางแบบกิติมศักดิ์เลยนะคะ รอดูนะคะ (^@^)