Select Page

The Romantic Road & Hallstatt … a day is not enough

ต่อจากตอนที่แล้ว … เราขับรถที่เช่าจากเวียนนา ผ่านถนนสายโรแมนติค มุ่งหน้าสู่ Hallstatt

ขอท้าวความด้วยภาพทิวทัศน์ระหว่างทางของถนนสายโรแมนติค จาก Vienna สู่ Hallstatt

สำหรับชื่อของตอนนี้ได้มากจากปกหนังสือรวมภาพของ Haus Lindy ซึ่งเป็นที่พักของเราที่ Hallstatt เมืองเล็ก ๆ กลางหุบเขา ริมทะเลสาบที่สุดแสนน่ารักและโรแมนติก เรื่องราวและภาพต่อไปนี้คงยืนยันคำพูดข้างต้นได้เป็นอย่างดี …

หลังจากที่ใช้เวลากว่า 5 ชั่วโมงบนถนนที่วิวสองข้างทางสุดจะสวยงาม จนต้องแวะถ่ายภาพกันหลายครั้ง ช่วงท้ายก่อนถึงจุดหมายซึ่งก็คือเมือง Hallstatt ถนนเริ่มแคบลง แต่ไต่ระดับขึ้นไปบนเขาที่สูงชันพอสมควร แต่สำหรับผมแล้วยังขับได้สบาย ๆ เพราะดอยอ่างขาง หรือ ดอยแม่ตะมานบ้านเราโหดกว่าเยอะ หุหุ …

ก่อนถึง Hallstatt เล็กน้อย รถเราวิ่งผ่านเมืองเล็ก ๆ ที่ชื่อ obertraun ซึ่งบ้านเรือนมีลักษณะน่ารักคล้ายคลึงกับที่ Hallstatt และแต่ละหลังจะมีทุ่งหญ้าและสวนสวย ๆ ที่เต็มไปด้วยดอกไม้นานาชนิดในช่วงหน้าร้อน สำหรับเพื่อนๆ ที่เช่ารถขับ ผมว่าจะเลือกที่พักที่นี่ก็ไม่เลวนะครับ เพราะบรรยากาศเงียบสงบดี และจะขับรถไป Hallstatt ก็ประมาณ 10 นาทีเท่านั้น

หลังจากได้ตื่นตาตื่นใจกับ obertraun กันแล้ว ไม่ถึง 10 นาทีเราก็มาถึงเมือง Hallstatt ที่ซึ่งเต็มไปด้วยบ้านเรือนที่ตกแต่งตัวบ้านอย่างน่ารัก เข้ากับธรรมชาติโดยรอบ หลาย ๆ หลังมีไม้ยืนต้นปลูกติดอยู่กับตัวบ้านเป็นที่ถูกอกถูกใจกระเหรี่ยงจากไทยแบบผมและเพื่อน ๆ เป็นอันมาก …

เราใช้เวลาหา Haus Lidy ซึ่งเป็นบ้านพักสำหรับคืนนี้กันไม่นานนัก ก็เจอกับจุดหมายของเราที่วันนี้มีทุ่งดอกไม้บานอยู่รอบบ้าน เสียดายที่เรามาถึงเย็นแล้วจึงไม่มีแสงให้เราถ่ายภาพแบบแจ่ม ๆ กันได้มากนัก จึงต้องนำกระเป๋าขึ้นห้องพักไปตามระเบียบ โดยมีคุณป้า Lidy เจ้าของบ้านมาต้อนรับอย่างอบอุ่น พวกเรามี 6 คนพักสองห้อง ซึ่งอยู่กันคนละด้านของบ้าน แต่ก็มีวิวที่สวยงามไปคนละแบบ ในห้องตกแต่งด้วยไม้ดูอบอุ่นสบาย มีหลังคา skylight สำหรับชมจันทร์ซะด้วย ที่สำคัญมีกาต้มน้ำร้อนสำหรับทำอาหารค่ำสุดหรูของเราวันนี้ด้วย หุหุ

ห้องพักและวิวรอบ ๆ บ้าน

ก่อนที่แสงช่วงค่ำจะหมดไป ผมชวนเพื่อน ๆ เดินไปชมวิวริมทะเลสาบอันโด่งดังของ Hallstatt ซึ่งจากบ้านพักใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาที แต่ดูเหมือนพวกเราจะใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง เพราะมัวแต่หยุดถ่ายภาพบ้านแทบทุกหลังที่เดินผ่าน เนื่องจากสวยงามไปคนละแบบ

กว่าจะถึงทะเลสาบ ท้องฟ้าก็เป็นสีน้ำเงินเข้มแล้ว ซึ่งก็เป็นช่วงนึงที่เหมาะสำหรับถ่ายภาพ เพราะจะให้แสงที่ดูสวยงามโรแมนติกมาก ๆ … ผมใช้เวลาถ่ายภาพอยู่บริเวณท่าเรือสักพัก เพื่อน ๆ ก็ชวนกลับโดยยังไม่เดินเข้าไปในตัวเมือง เนื่องจากค่อนข้างดึกและเหนื่อยล้าจากการเดินทางมากแล้ว ค่อยมาเก็บบรรยากาศใหม่พรุ่งนี้ดีกว่า โดยเรานัดกันว่าจะออกมาถ่ายภาพกันตั้งแต่เช้าเลยทีเดียว

บรรยากาศทะเลสาบยามเย็น

ค่ำคืนอันแสนอบอุ่นบนที่นอนนุ่ม ๆ ของ Haus Lidy ผ่านไปอย่างรวดเร็ว พวกเราตื่นแต่เช้ามาเจอตามที่นัดหมายกันไว้ แต่ยังไม่ทันที่จะเดินออกจากบ้าน ฝนก็โปรยลงมาและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่าย ๆ คุณป้า Lidy เห็นพวกเราติดฝนจึงเชิญเราทานอาหารเช้าก่อน (เดิมทีเรานัดเธอว่าจะมาทานหลังจากเดินถ่ายภาพเล่นสักพัก)

โต๊ะอาหารเข้าถูกจัดเตรียมอย่างน่ารักอบอุ่น เข้ากับบรรยากาศที่นี่มาก พวกเรานั่งทานอาหารอย่างมีความสุข โดยมีป้า Lidy ชวนคุยโน่นคุยนี่แลกเปลี่ยนประสบการณ์กันอย่างถูกคอ ทำให้อาหารมื้อนี้เป็นมื้อที่อร่อยที่สุดมื้อนึงเลยทีเดียว

โต๊ะอาหารที่ถูกจัดไว้อย่างน่ารัก, คุณป้า Lidy ผู้ใจดี และบ้านของเธอ

เสร็จจากมื้อเช้าแล้ว แม้ว่าฟ้าจะยังไม่เปิดแต่ฝนก็ซาลงแล้ว เราจึงเริ่มเดินทางเข้าเมือง โดยแวะถ่ายภาพบ้านเรือนและทุ่งหญ้าที่เต็มไปด้วยดอกไม้เป็นระยะ บรรยากาศเช้านี้ดูคึกคักมาก ต่างจากเมื่อคืนที่แสนเงียบสงบ มารู้เอาภายหลังว่ามีการจัดกิจกรรมแข่งขันกีฬา (น่าจะเป็นวิ่งมารธอน) ทำให้เมืองเต็มไปด้วยผู้ที่มาเข้าแข่งขันและกองเชียร์

พวกเราค่อย ๆ เดินเข้าไปตามถนนเส้นเล็ก ๆ ที่สองข้างทางเป็นร้านขายของฝากและของที่ระลึก แต่ราคาก็เป็นราคาแบบยุโรปแพงเอาการทีเดียว ของฝากลักษณะเดียวกันที่เห็นตามบ้านเราหรือที่ผมเพิ่งจะไปเจอมาที่บาหลี ราคาห่างกันเป็น 10 เท่าเลยทีเดียว ดังนั้นเพื่อน ๆ ที่ไม่ได้รับของฝากก็อย่าว่ากันนะ หุหุ เพราะมันแพงจริง ๆ

ผมเดินถ่ายภาพเล่น สลับกับแวะดูร้านต่าง ๆ เป็นระยะจนมาถึงจุดชมวิวมหาชน ที่สามารถมองเห็นโบสถ์ที่ตั้งสูงเด่นเป็นสง่าอยู่กลางเมือง สะท้อนภาพลงบนผิวน้ำที่ดูสงบนิ่งเยือกเย็น มี background เป็นเทือกเขาสูงที่วันนี้มีหมอกคลอเคลียอยู่บนยอดเขา แม้ว่าสภาพแสงจะไม่เหมาะกับการถ่ายภาพมากนัก และคงไม่มีโอกาสได้ถ่ายภาพที่ให้แสงอบอุ่นเหมือนใน post card ของ hallstatt แต่ภาพตรงหน้าที่เห็นก็สร้างความสุขเหนือคำบรรยายทีเดียว เสียดายที่เรามีเวลาที่นี่เพียงวันเดียวซึ่งบอกตรง ๆ ว่ามันไม่พอสำหรับเมืองที่แสนน่ารักอบอุ่นแบบนี้ เหมือนกับที่เกริ่นไว้ว่า a day is not enough

ความสวยงามของเมือง Hallstatt ชมกันให้เต็มอิ่มเลยครับ

เมื่อแดดยังไม่มีทีท่าว่าจะโผล่มา เราจึงจำเป็นต้องเดินกลับที่พักเพราะได้เวลา check out แล้ว … หลังจากเก็บข้าวของและอำลาคุณป้า Lidy แล้วเราเตรียมเดินทางต่อไปยังอีกเมืองใกล้ ๆ กันนั่นคือ Gosau ซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่รายล้อมด้วยหุบเขา แต่ทว่าการแข่งขันวิ่งที่ผมเกริ่นมาก่อนหน้านี้ ทำให้เจ้าหน้าที่ปิดเส้นทางไปยังเมือง Gosau กว่าจะเปิดต้องรออีก 1 ชั่วโมง ซึ่งจะทำให้กำหนดการของเราล่าช้า ผมจึงตัดสินใจขับรถอ้อมกลับไปเส้นทางเดิม โดยผ่านเมือง obertraun และไม่ลืมที่จะแวะถ่ายภาพที่นี่อีกครั้ง

Obertraun อีกหนึ่งเมืองน่ารักที่อดจะแวะไม่ได้

จากนั้นจึงมุ่งหน้าผ่านเส้นทางสุด Romantic สู่จุดหมายต่อไปสำหรับวันนี้ St. Wolfgang


2 Comments

  1. Ai

    สวยงามมากจริงๆ ค่ะ เหมือนอยู่ในเทพนิยาย ยังไงอย่างงั้นเลย…..ภาพถ่ายนี่ถ่ายทอดความรู้สึก อิ่มเอม สดชื่น ได้ขนาดนั้นจริง ๆ อยากไปด้วยม๊าก มาก ค่ะ ดูรูปแล้วมีความสุขสุด ๆ ไปเลย

    9MOT : ขอบคุณครับ แล้วคอยติดตามตอนต่อไปนะครับ

  2. ommy

    สวยจังเลยค่ะพี่มด บรรยากาศดีมากๆๆๆเหมาะสำหรับการไปพักผ่อน และถ่ายรูปจริงๆคร่า สวยๆๆๆๆๆ

    9MOT : ขอบคุณคร้าบ