รีวิวทั้ง 9 ตอนของทริปนี้
- เยือนดินแดนแห่งปราสาทในเทพนิยาย
- เมืองงามแห่งแม่น้ำ inns และถนนสายงามแ่ห่ง Austria
- อยากให้เวลาเดินช้าลง… ที่ Hallstatt
- สัมผัสเมืองมรดกโลก … Cesky Krumlov
- ลมหายใจแห่ง “ปราก”
- Karlovy Vary เมืองนี้สีลูกกวาด
- Rothenburg ในวันฝนพรำ
- มิวนิค สีสันแห่งเยอรมัน
- บทสรุปท่องเที่ยว-ถ่ายภาพ เยอรมัน-ออสเตรีย-เช็ก
– – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – –
ความเดิมจากตอนที่แล้ว เราได้ชมความสวยงามในแบบเมืองเล็กเสมือเทพนิยายของเมือง Cesky Krumlov ไปแล้ว … วันนี้เราได้เดินทางมาอีกถึงหนึ่งจุดหมายหลักของทริปนี้ ซึ่งเป็นเมืองที่หลายคนอยากมาเห็นกับตาสักครั้ง รวมถึงเพื่อน ๆ ร่วมทริปยุโรปปีที่แล้วด้วย เสียดายที่ตอนนั้นเมืองนี้อยู่นอกเส้นทาง ผมจึงจำเป็นต้องตัดออกไป แต่ในปีนี้เมืองใหญ่แห่งนี้ถูกบรรจุอยู่ในโปรแกรมอย่างชนิดที่ขาดไม่ได้ … ผมกำัลังพูดถึง “ปราก” เมืองหลวงแห่งสาธารณรัฐเช็ก อีกหนึ่งเมืองที่ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกจากยูเนสโก
เนื่องด้วย “ปราก” หรือ “ปราฮา (Praha)” ตามการเรียกในภาษาเช็ก เคยเป็นถึงเมืองหลวงของแคว้นโบฮีเมียมาก่อน จึงไม่แปลกเลยที่สิ่งปลูกสร้างในเมืองหลวงแห่งนี้ ยิ่งใหญ่อลังการ เมื่อเทียบกับเมืองอื่น ๆ ที่เราผ่านมาในช่วง 3-4 วันนี้ และแม้ปรากจะผ่านช่วงเวลาแห่งศึกและสงครามทั้งภายในและภายนอกมาตลอดหลายร้อยปี แต่ดูเหมือน “ปราก” ยังคงรักษาความงดงามแห่งสถาปัตยกรรมที่เป็นเสมือนสมุดบันทึกเรื่องราวแห่งประวัติศาสตร์ไว้เป็นอย่างดี และยังคงเป็นลมหายใจที่หล่อเลี้ยงเมืองแห่งนี้ให้ยังคงโดดเด่นงดงามไม่แพ้เมืองอื่น ๆ ในยุโรป
หลังจากนำสัมภาระขึ้นไปเก็บบนห้องพักที่ Happy Prague Apartment กันแล้ว ผมก็ชวนเพื่อน ๆ ไปเดินชมบรรยากาศยามเย็นที่สะพานชาร์ลตามแผนที่วางไว้ ซึ่งวันนี้นอกจากสะพานชาร์ลแล้ว ผมมีโปรแกรมที่จะเดินเีที่ยวย่านเมืองเก่าด้วย … จาก Happy Prague Apartment ผมพาเพื่อน ๆ เดินลัดเลาะตามตรอกซอกซอยไม่ถึง 5 นาทีก็มาทะลุถนนที่มุ่งไปยังสะพานชาร์ล อันที่จริงผมก็ไม่ได้้จำชื่อถนนได้ แต่ดูจากจำนวนผู้คนที่เดินหลั่งไหลบนถนนสายนี้ก็พอจะเดาได้ทันทีว่าเราใกล้สะพานชาร์ลมากแล้ว
เย็นวันนี้สะพานชาร์ล (Charles bridge) คราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมาย และเหล่าพ่อค้าและเหล่าศิลปินที่มีเปิดแผงขายของกันบนสะพาน ทุก ๆ ย่างก้าวบนสะพานเต็มไปด้วยความสุนทรีย์ของศิลปะแขนงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพเขียนสวย ๆ, ภาพถ่ายอันงดงามของปรากในมุมต่าง ๆ, ดนตรีคลาสสิค …สิ่งเหล่านี้ประกอบกับทิวทัศน์โดยรอบ รวมกันเป็นบรรยากาศที่สุดแสนจะลงตัว … แน่นอนว่าสำหรับช่างภาพอย่างผมแล้ว อาจรู้สึกอึดอัดพอควรที่ไม่สามารถถ่ายภาพสถานที่ได้ง่ายนักเพราะมีผู้คนมากมายเหลือเกิน แต่หากคุณเป็นช่างภาพแนวสตรีทหรือแนวไลฟ์ผมมั่นใจว่าต้องชอบบรรยากาศที่นี่มาก ๆ
นอกจากความสวยงามของตัวสะพานที่ดูเก่าแก่คลาสสิค ซึ่งมีป้อมสูงอยู่ที่ปลายทั้งสองด้านของสะพานแล้ว บนสะพานชาร์ลยังมีรูปปั้นของเหล่านักบุญต่าง ๆตลอดแนวสองข้างของสะพาน ซึ่งบางเป็นบันทึกประวัติศาสตร์ของเมืองแห่งนี้ .. ความเชื่อเรื่องการลูบที่บริเวณรูปปั้นเพื่อขอพรนั้นทำให้ บางส่วนของรูปปั้นสีเ้ข้มเผยให้เห็นสีทองของโลหะด้านในสวยงามไปอีกแบบ
นอกจากนี้เมื่อยืนบนสะพานที่ทอดผ่านแม่น้ำ “วัลทาวา” ด้านหนึ่งจะสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของ “ปราสาทปราก” ซึ่งเป็นปราสาทโบราณที่ใหญ่ที่สุดในโลก อีกด้านจะเห็นความสวยงามของตึกเก่าในฝั่ง old town สวยคลาสสิคจริง ๆ
อากาศเย็นวันนี้ค่อนข้างครึ้มฟ้าครึ้มฝน ผมจึงชวนเพื่อน ๆ เดินย้อนกลับไปทางฝั่ง old town เพื่อไปเที่ยว old town square ตามที่วางแผนไว้ แต่ยังไม่ทันถึงจุดหมาย ฝนก็ตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนต้องเปลี่ยนแผนกลับที่พักแทน
ที่พักวันนี้เป็นแบบ Apartment ที่มีเครื่องครัวครบครัน เราจึงทำอาหารค่ำทานกันอย่างสะดวกสบาย แถมยังมีห้องนั่งนานอาหารเป็นสัดส่วน นับว่าคุ้มค่ามากกับราคา 30 ยูโร/คน ที่ได้ห้องพักกว้างขวางและอยู่ในทำเลเยี่ยมแบบนี้
หลังจากทานอาหารค่ำแล้ว ผมเช็คอาการด้านนอกพบว่าฝนเริ่มซาแล้ว จึงหยิบกล้องพร้อมขาตั้งออกไปเก็บบรรยากาศยามค่ำ … ผมเลือกเดินไปเริ่มถ่ายภาพบริเวณทางเดินริมแม่น้ำ เพื่อให้สามารถเก็บภาพของสะพานชาร์ลยามค่ำที่มีปราสาทปรากเป็นฉากหลังยามค่ำคืน ซึ่งท้องฟ้าสีน้ำเงินยามนี้ทำให้ตัวปราสาทและสะพานดูสวยงามมากทีเดียว หลังจากนั้นผมจึงเดินต่อไปถ่ายภาพบนสะพาน ซึ่งผู้คนแม้จะบางตาลงจากเมื่อตอนเย็นแต่ก็ยังถือว่ายังมีเยอะพอสมควร … แสงสีของหลอดไฟที่ประดับตามตึกสะท้อนลงบนผิวน้ำสลับกับเรือที่พานักท่องเที่ยวชมปรากในยามราตรีช่างเป็นบรรยากาศที่สวยงามจับใจ เสียดายที่ผมไม่ได้ชวนเพื่อน ๆ มาด้วยกัน เพราะเกรงว่าจะไม่สบายจากละอองฝน จึงทำได้เพียงบันทึกภาพความทรงจำนี้ไปฝากเป็นการทดแทน
คืนนั้นผมหลับไปด้วยความอ่อนเพลียเช่นเดิม แต่ก็ตื่นขึ้นโดยอัตโนมัติเหมือนทุกเช้าเพราะวันนี้มีแผนที่จะไปเก็บบรรยากาศตอนเช้าบนสะพานชาร์ลตามที่เพื่อน ๆ เคยแนะนำไว้ … ผมเดินออกจาก apartment ตอนตี 5 ครึ่งแต่แสงนั้นสว่างมากแล้ว ผมจึงต้องเร่งฝีเท้าเพื่อให้ทันเก็บแสงสวย ๆ ตามที่ตั้งใจไว้ … อากาศวันนี้เรียกได้ว่าดีเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับเมื่อวาน ฟ้ามีเมฆบ้างแต่ก็ไม่ครึ้มฟ้าครึ้มฝน ผมแอบยิ้มในใจเพราะความหวังที่จะได้ภาพสวย ๆ ของปราสาทปรากในเช้าวันนี้คงไม่พลาดแน่แล้ว
สะพานชาร์ลในช่วงเช้ามีคนน้อยมาก ๆ ส่วนใหญ่เป็นเหล่าช่างภาพที่มาเก็บบรรยากาศกันเพราะคงรู้ดีว่านี่เป็นเวลาที่มีคนน้อยที่สุด ผมใช้เวลาเก็บภาพทั่ว ๆ ไปอยู่เกือบชั่วโมงจึงเดินทางกลับไปยังที่พัก ซึ่งวันนี้เรามีกำหนดจะเดินเที่ยวสะพานชาร์ลกันอีกครั้งและเข้าชมปราสาทปรากให้เร็วที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงผู้คน … เราใช้เวลาทานอาหารเช้ากันอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงออกเดินมายังสะพานชาร์ลอีกครั้งเพื่อให้เพื่อน ๆ ได้เก็บภาพของสะพานชาร์ลในยามเช้ากันอีกครั้ง
ช่วงสาย ๆ นักท่องเที่ยวก็ยังไม่เยอะมาก นับเป็นอีกช่วงที่เหมาะสำหรับการถ่ายภาพ
จากนั้นจึงไปขึ้นรถรางฝั่งตรงข้ามเพื่อขึ้นไปยังปราสาท โดยเราขึ้นรถสาย 22 ตามที่อ่านรีวิวไว้ แต่เจ้ากรรมผมดันนำเพื่อนขึ้นผิดฝั่ง ก็เลยได้เที่ยวเมืองปรากเพิ่มขึ้นอีกหลายสถานี อิิอิ ยังดีที่จำชื่อสถานีบางสถานีได้ (ศึกษาไว้เพื่อหาจุดถ่ายภาพ) จึงทำให้รู้ว่าเราขึ้นผิดฝั่งซะแล้ว
เราถึงปราสาทช้ากว่าที่ตั้งใจไว้เล็กน้อยเพราะหัวหน้าคณะมัวแต่พาไปเที่ยวนอกเส้นทาง แต่ยังโชคดีที่นักท่องเที่ยวยังไม่ได้แน่นขนัดนัก สาว ๆ ของเรายังได้ถ่ายภาพกับทหารหน้าปราสาทโดยไม่ต้องต่อคิวนานนัก หุหุ นี่ถ้าขนกลับบ้านได้คงขนกลับไปด้วยเพราะแต่ละคนหล่อไม่เบา สงสัยเหลือเกินว่าเขาคัดเลือกหน้าตาด้วยหรือเปล่า
เราซื้อตัวเข้าชมปราสาทแบบสั้น ซึ่งรวมการเข้าชม มหาวิหารเซนต์วิตัส (Cathedral of St Vitus) พระราชวังเก่า, เซนต์จอร์จบาซิลลิกา (St George‘s Basilica), ถนนโกเด้นเลนกับหอคอยดาไลบอร์ก้า โดยจุดหมายแรกของเราวันนี้คือมหาวิหารเซนต์วิตัส …
ต้องยอมรับว่ามหาวิหารแห่งนี้ใหญ่โตสมคำล่ำลือจริง ๆ ภายนอกดูยิ่งใหญ่อลังการ แต่ยิ่งอึ้งเมื่อได้สัมผัสกับความงามภายใน … โชคดีมากที่อนุญาตให้สามารถถ่ายภาพในนี้ได้ จึงได้มีโอกาสนำ่ส่วนหนึ่งของความสวยงามมาฝากเพื่อน ๆ … มหาวิหารแห่งนี้ใช้เวลาสร้างกว่า 500 ปีและเพิ่งจะเสร็จเมื่อต้นศัตวรรษที่ 20 นี่เอง ศิลปะด้านในจึงดูหลากหลายตั้งแต่แบบโกธิคซึ่งเป็นยุคที่เริ่มสร้างเรื่อยไปจนถึงนีโอโกธิคและเรเนอซองส์ … ภายในจะแบ่งเป็นล็อค ๆ โดยแต่ละล็อคประดับด้วยกระจกสีที่มีลวดลายกราฟิคบ้าง หรือแม้แต่เป็นภาพเกี่ยวกับศาสนาบ้าง … โดยเฉพาะบ้างด้านนั้นแสงทะลุลงมาสะท้อนบนผนังข้าง ๆ ระยิบระยับสวยงามมาก ๆ
ความสวยงามของมหาวิหารเซนต์วิตัส
ส่วนตัวผมนั้นเป็นช่างภาพที่ชอบแนวธรรมชาติมากกว่าแนวสถาปัตยกรรม แต่ต้องยอมรับว่ามหาวิหารแห่งนี้ทำให้ผมอึ้งและประทับใจมาก จนใช้เวลาถ่ายภาพในนี้เกือบชั่วโมงเลยทีเดียว …
ถัดจากมหาวิหารเซนต์วิตัสแล้วเราก็ได้เข้าชมพระราชวังเ่ก่าซึ่งห้ามถ่ายภาพ … จากนั้นก็เข้าชมเซนต์จอร์จบาซิลลิกา ซึ่งดูอึมครึมพอสมควรเพราะเป็นที่ฝังศพของเหล่าอัศวินและคนสำคัญต่าง ๆ มากมาย … โปรแกรมของเราปิดท้ายกันที่ Golden lane หรือหมู่บ้านช่างทองที่มีสีสันสวยงาม และแน่นอนว่าเป็นแหล่งให้ซื้อของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้าน
เราออกจากปราสาทปากที่ประตูฝั่งที่ติดกับ Golden lane ซึ่งจากจุดนี้ผมได้ศึกษาไว้แล้วว่าสามารถเดินไปยังสวนสาธารณะที่ชื่อ Letna Park ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นสะพาน 4-5 แห่งทอดข้ามโค้งแม่น้ำสวยงามมาก … ทั้งนี้เราใช้เวลาเดินประมาณ 15 นาทีก็ถือจุดชมวิวแห่งนี้ ซึ่งแน่นอนว่าเราใช้เวลาถ่ายภาพกันพักใหญ่ให้คุ้มค่าเหนื่อยที่อุตส่าห์เดินกันมา ก่อนที่จะนั่งรถกลับไปยังย่าน old town เืพื่อเก็บตกแหล่งท่องเที่ยวฝั่งโน้น
ย่าน old town มีจุดที่น่าท่องเที่ยวมากมาย ๆ อาทิ St. Nicholas Church , Týn Cathedral , Old Town Hall ที่เป็นที่ตั้งของ Astronomical Clock ซึ่งบริเวณนี้จะมีนักท่องเที่ยวมากมายๆ ไม่แพ้สะพานชาร์ล มีรถม้านำเที่ยวช่วยเสริมบรรยากาศให้ดูคึกคัก มีดนตรีเปิดหมวกคอยเรียกเสียงปรบมือจากผู้ชม … ผมชวนเพืื่อน ๆ ขึ้นไปชมวิวสวย ๆ ของฝั่งนี้บน Old Town Hall ซึ่งได้บรรยากาศของปรากในมุมสูงสวยงามไปอีกแบบ เพราะสามารถชมวิวได้ทั้ง 360 องศา นอกจากนี้ลิฟท์แก้วที่พาขึ้นยอดหอคอยนั้นเด็ดมากเลย ไปที่นี่แล้วห้ามพลาดเด็ดขาด
หลังจากชมเมืองกันแล้วเราก็เลือกร้านอาหารแถวนั้นเป็นมื้อเที่ยงของเรา ขณะที่รออาหารผมนั่งคุยกับเพื่อนเก่าที่นัดเจอกันที่ปราก ส่วนสาว ๆ ขอตัวออกไปแลกเงินเพื่อเตรียม shopping … แต่แล้วเหล่าสาว ๆ ก็กลับมาด้วยอาการหน้าจ๋อยเพราะเจอพิษร้านแลกเงินของปรากเข้าให้แล้ว … ผมเองก็ลืมเน้นย้ำอีกครั้งให้ระัวังเพราะมัวแต่คุยกับเืพื่อน ก็เลยโดน rate ที่เรียกว่าโกงกันสุด ๆ คือได้อัตราเพียง 16 CZK ต่อ Euro แทนที่จะเป็น 24 CZK 🙁 … ทั้งนี้ร้านเหล่านี้จะเป็นร้านที่ดูมาตรฐานและเขียนอัตราแลกเปลี่ยนไว้ด้านหน้า แต่ rate จะมีสองแบบคือถ้าจะได้ rate สูงต้องแลกเยอะมาก (ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย) ส่วนแลกน้อยกว่านั้นก็โดนแบบพวกเรานั่นเอง …
ดังนั้นเพื่อน ๆ ที่จะไปเที่ยวเมืองนี้ขอให้ระมัดระวังนะครับ ทางทีดีให้แลกที่ร้านขอแนะนำให้คุณใช้บริการของ Xchange ซึ่งอยู่ที่หัวมุมถนน Kaprova กับถนน Maiselova เนื่องจากจะได้ราคาดีที่สุด (ใกล้กับจัตุรัสเมืองเก่า อยู่หลังโบสถ์นักบุญนิโคลัส) หรืออาจใช้บริการธนาคารซึ่งให้อัตราแลกเปลี่ยนที่ดีเช่นกัน และมีค่าคอมมิชชั่นเพียง 2%
แม้จะส่งท้ายโปรแกรมในปรากไม่ค่อยดีนัก แต่พวกเราก็ถือว่าฟาดเคราะห์ไป ดีกว่าโดนล้วงกระเป๋าเหมือนที่หลาย ๆ คนโดนที่นี่เช่นกัน … หลังจากทานอาหารมื้ออร่อยเสร็จผมจึงให้เพื่อน ๆ ได้ช็อปปิ้งกันเพื่อให้ลืมเรื่องเซ็ง ๆ ซึ่งก็นับว่าได้ผลเพราะเมื่อเจอกันอีกครั้งดูเหมือนจะสดใสเหมือนเดิมแล้ว
“ปราก” ทำให้ผมรู้สึกและเข้าใจคำว่า “ศิลปะเป็นสากล” เพราะแม้ผมจะไม่ได้ร่ำเรียนมาทางศิลปะ ไม่ได้ศึกษาประวัติศาสตร์ของศิลปะมามากนัก แต่การได้มาเยือนปราก เมืองที่ทุกลมหายใจเข้าออกล้วนสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของศิลปะ ทำให้เรารับรู้ได้ถึงความสุนทรีย์อย่างที่ไม่จำเป็นต้องมีใครมาอธิบายด้วยภาษาทางวาจาที่เราคุ้นเคยแม้สักคำเดียว
วันนี้เราออกจากปรากเพื่อเดินทางต่อไปอีกหนึ่งเมืองสวยของเช็ก “Karlovy Vary” เมืองแห่งน้ำแร่และสปา .. คอยติดตามตอนต่อไปนะครับ
9MOT – ส่ง link สำหรับ download ข้อมูลให้ทาง e-mail แล้วนะครับ
มีแผนจะไปเที่ยวเอง 2 คน 2ประเทศเยอรมันและปราก ช่วงเดือนพค. ปีหน้า อ่านรีวิวของคุณมดแล้วน่าสนใจมากรบกวน ขอItinerary ได้มั้ยคะ
รูปสวยมากเลยค่ะ review ก็เป็นประโยชน์มากสำหรับนักเดินทาง กำลังวางแผนเที่ยวเองและชอบถ่ายรูป อยากทราบจุดถ่ายรูปสวยๆของ Letna park ว่าเป็นจุดไหนใน park ค่ะ หาข้อมูลแล้วมีหลายจุด เช่น palvillion, metronodome , letna beer garden. คงมีเวลาจำกัดตอนเดือนต.ค. เลยอยากทราบจุดถ่ายตามรูปของคุณมดค่ะเผื่อจะได้ไม่ต้องเดินหารอบpark ค่ะ ขอบคุณค่ะ
ดีใจที่ชอบรีวิวนะครับ และคิดว่าเดือนตุลาคมคงสวยคลาสิคไปอีกแบบ แต่อย่าลืมว่าเดือนตุลาเป็นหน้าหนาว ฟ้าจะมืดเร็วกว่าฤดูร้อน จะเดินทางแบบผมเป๊ะ ๆ ไม่ได้นะครับ
เชคสวยจังเลยค่ะ ฝีมือการถ่ายภาพของนายมดขั้นเทพมั๊กมั๊กค่ะ เห็นแล้วอยากไปเที่ยวซะเดี๋ยวนี้เลย แทบรอทัวร์เดือนตุลาไม่ไหวแล้ววววว ที่บ้านเราจองทัวร์เชค-เยอรมัน-ออสเตรียไว้ค่ะ นี่ถ้าเราจะไปกันเองก่อน เราจะรบกวนขอ Itinerary ของนายมดได้มั๊ยคะ ขอไปเป็นต้นแบบชนิดโคลนนิ่งเลย 555 เราว่าต้องสนุกกว่าไปกับทัวร์แน่ๆ
นายมดเขียนบล๊อดได้น่าอ่านมากค่ะ เชียร์ให้เขียนหนังสือ”คู่มือนำเที่ยวด้วยตนเองสไตล์นายมด”ออกมาจำหน่ายค่ะ รับรองเราจะเป็นลูกค้าคนแรก และจะซื้ออ่านทุกเล่มทุกประเทศด้วย เราเชื่อว่าจะต้องมีแฟนคลับเยอะแน่ๆ เลย ภาพก็สวยขั้นเทพ สไตล์การเขียนก็น่าติดตาม ข้อมูลเนื้อหาก็เป็นประโยชน์มั๊ก นี่ถ้านายมดเปิดรับสมัครลูกทัวร์เพิ่มสำหรับทริปหน้า เราขอสมัครไปด้วยนะ 4 ชีวิตเอง 555555
ขอบคุณนะคะ สำหรับภาพสวยๆ และข้อมูลดีดี ที่มาแบ่งปันกัน อ่านเรื่องราวของคุณแล้ว อยากเป็นคนที่หลากหลายความสามารถอย่างคุณจัง น่าทึ่งมากค่ะ
ขอบคุณคับพี่มด ข้อมูลดีๆทั้งนั้นเลยคับ
ที่พักที่ปรากหาที่จอดรถง่ายไหมคะ
9MOT: ขอบคุณครับ .. แหม ชมซะตัวลอยเลย … ยังไงก็ขอให้เที่ยวสนุก ได้ภาพสวย ๆ กลับมาเยอะ ๆ นะครับ
ฝีมือถ่ายภาพเยี่ยมไปเลยค่ะ แสงและองค์ประกอบภาพสมบูรณ์ ชอบรูปที่ถ่ายช่วงหัวค่ำด้วยขยันดี หาข้อมูลจากกูเกิลและเคยอ่านของคุณมดผ่านๆจำไม่ได้ มาค้นข้อมูลจริงจังอีกทีเพิ่งจะมาเจอเว็บนี้ค่ะ อ่านตั้งแต่ มิวนิก ครุมลอฟและฮัลสตัท(ชอบมาก)เดือนหน้าจะไปเที่ยวเองกับเพื่อนๆแล้ว(ไปรถไฟค่ะไม่ได้เช่ารถขับ)จะหามุมถ่ายแบบนี้ได้ไม้นะ
ขอบคุณที่แบ่งปันภาพและข้อมูลค่ะ
9MOT – ขอบคุณมากครับที่แวะเข้ามาเยี่ยมชม 🙂
เห็นภาพแล้ว สวยมากๆ ขอบคุณนะที่แบ่งปันกันดู แต่อ่านคำบรรยายไม่ค่อยชัด คนแก่ตาไม่ค่อยเห็น เนื่องจาก background เป็นสีฟ้าอ่อน ตัวหนังสือเป็นสีขาว จึงอ่านค่อนข้างลำบากสำหรับคนแก่ แต่อย่างไรก็ขอบคุณมากๆ ได้รับภาพมาจากคุณวิภา พูนเพียร ที่ส่งต่อมาให้ดู