ความเดิมจากตอนที่แล้ว “มนต์ป่าดำ” เราขับรถออกจากเขตป่าดำของเยอรมัน ข้ามชายแดนมายังเมือง Starsbourg ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ของประเทศฝรั่งเศส และพักกันที่ apartment แห่งหนึ่งย่านชานเมือง ที่นี่เป็นที่พักแบบ 3 bedroom มีห้องนั่งเล่นและครัวกว้างขวางมาก เจ้าของเป็นชายชาวฝรั่งเศสที่มีเป็น chef โดยมีร้านอาหารตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน หากเพื่อน ๆ เที่ยวในโซนนี้สามารถใช้ที่นี่เป็นศูนย์กลางและ day trip ไปเที่ยวเมืองใกล้ๆ ได้หลายเมืองทีเดียว ทั้งในเขตฝรั่งเศส , เยอรมัน หรือแม้แต่ตอนเหนือของสวิส ฯ ก็พอไหว
วันรุ่งขึ้นเราเดินทางออกจากที่พักันแต่เช้าเพราะแผนการเดินทางวันนี้มีจุดหมายอยู่ที่เมือง Monschau ซึ่งอยู่ห่างออกไปกว่า 300 กม. แถมผมยังเพิ่มโปรแกรมชมดอกอัลมอนด์บานที่เมือง Gimmeldingen เข้าไปอีกจึงทำให้ต้องขับรถอ้อมเล็กน้อย … จากที่พักเราขบรถราว 100 กมเศษผ่านย่านเกษตรกรรมตรงชายแดนเยอรมันมุ่งหน้าสู่เมือง Gimmeldingen ในใจก็ลุ้นให้อากาศดีเพราะตลอดการขับรถราว 2 ชม. อากาศแปรปรวนมากมีฝนสลับกับฟ้าใสเป็นช่วง ๆ … เมื่อใกล้ถึงเมือง Gimmeldingen เราเริ่มสังเกตเห็นดอกไม้คล้ายซากุระกำลังผลิบานสองข้างทาง ทำให้มีกำลังใจขึ้นมาหน่อยเพราะจาการติดตามข่าวนั้นปีนี้ดอกไม้บานช้ามากและคาดว่า ณ วันนี้ดอกไม้ก็ยังไม่บานเต็มที่ .. เมือง Gimmeldingen เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่มีการทำไวน์เป็นอาชีพหลัก และหมู่บ้านนี้ก็อยู่ในเขต wine route ของเยอรมันด้วย … ทุก ๆ ปีที่หมู่บ้านจะมีการเฉลิมฉลองเทศกาล Almond Blossom Festival โดยมีการเปิดร้านขายไวน์และอาหารบริเวณถนนทางเข้าหมู่บ้านซึ่งทั้งสองข้างทางจะมีดอก Almond กำลังบานสะพรั่งเต็มต้นพอดี โดยในปี 2013 นี้ เทศกาลดังกล่าวถูกกำหนดให้จัดขึ้นหลังจากที่ผมแวะไป 2-3 วันเท่านั้น จะว่าไปก็ดีที่ไม่ต้องไปเบียดเสียดกับคนมากมายที่มาร่วมงาน อย่างไรก็ตามดอกอัลมอนด์รวมถึงดอกไม้อื่น ๆ ที่คงอยู่ในตระกูลใกล้ชิดกัน (พวก Cherry, Apple) ก็ยังออกดอกไม่เต็มที่นัก แต่อุปสรรคใหญ่ของผมอยู่ที่ฝนมากกว่า เพราะเกือบตลอดเวลาที่ตระเวนถ่ายภาพในจุดต่าง ๆ ของเมือง เมฆฝนลอยปกคลุมเต็มไปหมดทำให้ดอกไม้ขาดความสดใสไปเยอะเลย แถมบางช่วงฝนตกปรอย ๆ อีกต่างหาก เราจึงได้ภาพสวย ๆ ของหมู่บ้านแห่งนี้มาไม่มากนัก ….
ดอกอัลมอนด์ที่กำลังรอเวลาเบ่งบานเต็มที่เพื่อต้อนรับเทศกาล Almond Blossom Festival
หลังจากทานอาหารเที่ยงฆ่าเวลาไปแล้วฝนก็ไม่มีแนวโน้มจะลดลง ผมกับเพื่อน ๆ จึงตัดสินใจเดินทางต่อไปยังจุดหมายของเราวันนี้ … Monshau
Monshau เป็นเมืองเก่าเล็ก ๆ ในหุบเขาบริเวณชายแดนของเยอรมัน ไม่ห่างจาก Belgium และ Netherland .. ระหว่างทางเราแทบไม่เห็นวี่แววของเมืองเก่าเลย มาตระหนักว่าเมืองนี้สวยงามคลาสสิคขนาดไหนก็ตอนเริ่มขับรถลงจากยอดเขาที่บดบังตัวเมืองซึ่งอยู่ในหุบไว้
ที่พักวันนี้ชื่อ Haller Hotel Garni ตั้งอยู่บริเวณริมถนนใกล้ทางเข้าเมืองเก่า … เรามาถึงค่ำแล้วก็เลยต้องโทรตามเจ้าของมาเปิดห้องให้ ไม่ถึง 5 นาทีชายร่างท้วมอารมณ์ดีก็เดินทางมาถึงและต้อนรับพวกเราพร้อมแนะนำห้องพักและที่สำหรับทานอาหารเช้า ที่นี่เป็นโรงแรมขนาดเล็กมีเพียงไม่กี่ห้อง จึงไม่มีพนักงานในช่วงกลางคืน แต่จะเข้ามาทำอาหารเช้าและทำความสะอาดในช่วงกลางวันเท่านั้น แต่เนื่องจากผมไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่าห้องพักสะอาด ๆ มี internet ให้ใช้ ที่นี่จึงตอบโจทย์อย่างดี เพราะราคาไม่แพง บรรยากาศดีมาก แถมสะอาดและกว้างขวางไม่อึดอัดอีกด้วย สำหรับข้อมูลที่พักดูได้จากรีวิวสรุปของทริปนี้นะครับ
นอกจากโรงแรมแล้วเจ้าของที่นี่ยังมีร้านอาหารอยู่ในเมืองด้วย ค่ำนี้เราจึงวางแผนเข้าไปอุดหนุนกัน โดยนำรถเข้าไปจอดตรงปากทางเข้าเมืองเก่า … ที่นี่ถนนแคบมากเพราะเป็นเมืองเก่า ช่วงท่องเที่ยวคงหาที่จอดรถยากพอสมควร แต่ช่วงนี้เมืองยังเงียบ ๆ เราจึงใช้ที่จอดของร้านค้าแถวนั้นเพื่อไม่ให้ต้องเดินไกลมาก
จากปากทางเข้าเมือง เดินเลาะมาตามเส้นทางหลักของเมือง มีบ้านเรือนที่ยังคงสมบูรณ์สวยงามตลอดสองข้างทางและมีแม่น้ำไหลขนานไปกับถนนหลักของเมืองได้บรรยากาศที่เยือกเย็นและสงบอย่างบอกไม่ถูก … ร้านอาหารของเจ้าของโรงแรมที่ชื่อ Zum Haller ก็อยู่ตรงจุดชมวิวมหาชนของเมืองนั่นเองและเท่าที่รู้ก็เป็นหนึ่งในร้านเก่าแก่ของเมือง เมนูต่าง ๆ ถูกสั่งตามคำแนะนำของพนักงานประจำร้าน ซึ่งก็ไม่ผิดหวังครับ อร่อยทุกอย่างเลย ราคาก็ไม่แพงด้วยแถมได้ลด 10% ด้วย ในฐานะที่เป็นลูกค้าโรงแรม
เช้าวันรุ่งขึ้นหลังอาหารเช้าของโรงแรม เราเดินทัวร์ชมเมืองกัน โดยจอดรถไว้ที่โรงแรม ร้านรวงต่าง ๆ ยังแทบไม่เปิดเลยแม้จะ 9 โมงเช้าแล้วก็ตาม อาจเป็นเพราะช่วงนี้นักท่องเที่ยวยังไม่เยอะเพราะอุณหภูมิอุ่น ๆ ของฤดูใบไม้ผลิยังมาไม่ถึงที่นี่ จะว่าไปก็ดีเหมือนกันเพราะถนนที่ไม่พลุกพล่านทำให้ได้ภาพของเมืองที่ดูขลังไปอีกแบบ … หลังจากเดินชมในตัวเมืองแล้วเราก็เดินขึ้นเนินเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของป้อมปราการเก่าของเมือง … จากจุดนี้เป็นจุดชมวิวที่ดีมากเพราะสามารถมองเห็นทั้งเมืองในหุบได้อย่างชัดเจน ด้านบนมีลานเล็ก ๆ ที่บอกเล่าถึงเรื่องราวความเป็นมาของเมืองเก่าแห่งนี้ให้กับนักท่องเที่ยวด้วย
ความสวยงามของเมือง Monschau
เราใช้เวลาถ่ายภาพบนจุดชมวิวกันพักใหญ่ก็ได้เวลาโบกมือลาเมืองเล็ก ๆ สุดคลาสสิคแห่งนี้เพื่อเดินทางกลับไปยังเนเธอร์แลนด์อีกครั้ง เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับในคืนวันรุ่งขึ้น และแน่นอนว่าก่อนเดินทางกลับจะเป็นอีกหนึ่ง highlight ของทริปนี้ นั่นคือการเข้าชมสวน Keukenhof สวนดอกไม้ที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดในโลก .. ติดตามได้ในรีวิวตอนต่อไปครับ
ตามรอยเที่ยวเมือง Monschau
ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ