หมู่เกาะสุรินทร์ดูเหมือนจะห่างหายไปจากความสนใจของนักท่องเที่ยวชาวไทยไปพอสมควร หลังจากที่มีเกาะใหม่ ๆ อย่างเกาะตาชัย กำลังเป็นดาวเด่นดวงใหม่แห่งท้องทะเลอันดามัน สังเกตุได้จากรีวิวของหมู่เกาะสุรินทร์ ใน pantip.com มีอยู่น้อยมากเมื่อเทีียบกับเกาะตาชัยหรือแม้แต่ดาวค้างฟ้าอย่างหลีเป๊ะ … การเดินทางกลับไปยังหมู่เกาะสุรินทร์ของผมอีกครั้งในครานี้ จึงเหมือนการไปค้นหาคำตอบว่า ที่นี่ยังมีอะไรน่าสนใจให้นักท่องเที่ยวไปเยือนอีกหรือไม่ … ตามผมไปเลยครับ ทริปกลับไปเยือนหมู่เกาะสุรินทร์ครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากว่างเว้นไป 2-3 ปี แต่ครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อน ๆ เพราะต้องไปขึ้นเรือที่คุระบุรี ซึ่งเป็นท่าเรือที่อยู่ใกล้หมู่เกาะสุรินทร์มากที่สุด ทำให้ใช้เวลาเดินทางจากฝั่งถึงเกาะเพียง 1 ชั่วโมง หากเป็นนักท่องเที่ยวที่ซื้อเพ็คเกจทัวร์ ส่วนใหญ่จะนอนค้างที่โรงแรมคุระบุรีกรีนวิว วันรุ่งขึ้นก็ตื่นแบบสบาย ๆ มาขึ้นที่ท่าเรือซึ่งอยู่ไม่ห่างกันมากนัก แต่สำหรับผมซึ่งอยู่ภูเก็ตก็ต้องออกเดินทางเร็วหน่อย เพราะระยะทางจากภูเก็ตไปถึงคุระบุรีก็เกือบ 200 กม. จึงต้องออกรถตั้งแต่ตี 5 โน่นเลย อย่างไรก็ตามการนั่งรถตอนเช้าตรู่ทำให้ได้เห็นบรรยากาศความสวยงามของเส้นทางโดยเฉพาะเมื่อเลยอำเภอตะกั่วป่ามาแล้ว สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจีและภูเขาสูงตระหง่านให้ความรู้สึกเหมือนขับรถทางเหนือไม่มีผิด
เรามาถึงท่าเรือของกรีนวิวทัวร์ ซึ่งเป็นหนึ่งผู้ให้บริการทัวร์แนวหน้าของหมู่เกาะสุรินทร์แล้วก็ลงทะเบียนและเลือกหน้ากากดำน้ำกับฟินให้พอเหมาะ หากใครยังไม่หายง่วงทางทัวร์ก็มีบริการเครื่องดื่มชา-กาแฟ แต่เนื่องจากผมแวะทานอาหารเช้าระหว่างทางแล้ว งานนี้ก็เลยขอบาย จากนั้นก็จัดแจงเข้าห้องน้ำห้องท่าเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการนั่งเรือ speed boat … อันที่จริงบนเรือก็มีห้องน้ำนะครับ แต่ผมแนะนำว่าให้ใช้กรณีที่ทนไม่ไหวจริง ๆ เท่านั้นเพราะเรือจะต้องชะลอความเร็วหรือจอดลอยลำในช่วงที่เราเข้าห้องน้ำ ซึ่งบางครั้งการที่เรือโคลงไปมาขณะลอยลำอาจทำให้เมาเรือจนหมดสนุกได้ทั้งคนเข้าห้องน้ำและผู้โดยสารคนอื่น ๆ ที่สำคัญเสียดายอาหารเช้าอร่อยๆ ที่อุตส่าห์ตุนมาเต็มท้อง อิอิ
เรือค่อย ๆ แล่นออกจากท่า ผ่านปากน้ำที่ขนาบด้วยป่าโกงกางทั้งสองฝั่ง หันมองไปทางฝั่งเห็นภูเขาสูงตั้งตระหง่านเป็น background ถ้าไม่เห็นทะเลคงนึกว่ากำลังอยู่ทางภาคเหนือ หุหุ จะว่าไปนี่เป็นเสน่ห์ของจังหวัดพังงาและระนองก็ว่าได้ ที่มีความอุดมสมบูรณ์ทั้งป่าเขาและทะเล เสียดายที่แหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมส่วนใหญ่ยังคงจำกัดวงเฉพาะทางทะเล
ระหว่างเรือแล่นสู่หมู่เกาะสุรินทร์
ใช้เวลาประมาณชั่วโมงนิด ๆ เรือของกรีนวิวทัวร์ ก็นำเรามาถึงหมู่เกาะสุรินทร์ แม้อากาศวันนี้จะไม่แจ่มใสนัก แต่ก็ยังโชคดีที่ไม่มีฝน และน้ำของหมู่เกาะสุรินทร์ก็ยังเป็นสีเข้มสลับฟ้าสวยงามเหมือนเดิม ..
ก่อนจะขึ้นเกาะ เรือจอดให้เราดำน้ำดูปะการังน้ำตื้นกันที่อ่าวช่องขาดด้านหน้าเกาะสุรินทร์ใต้กันก่อนเลย ซึ่งจุดนี้มีปลาตัวใหญ่กับปะการังอยู่พอสมควร แค่จุดแรกก็สร้างรอยยิ้มให้นักท่องเที่ยวดำน้ำกันเพลินจนไม่อยากขึ้นฝั่งแล้ว 🙂
น้ำสีสวยมาก ๆ โดยเฉพาะบริเวณอ่าวหน้าที่ทำการอุทยาน ต้นไม้บนฝั่งก็ดูเขียวขจี ไม่น่าเชื่อว่านี่คือฤดูร้อน
โชคดีที่วันนี้น้ำขึ้นสูงพอดี ทำให้เรือสามารถจอดส่งเราได้ถึงหาดหน้าที่ทำการอุทยานเลย และอาหารมื้อเที่ยงจากกรีนวิวทัวร์ในรูปแบบบุปเฟต์ที่ทานได้ไม่อั้นก็เตรียมพร้อมรอเราอยู่แล้ว วันนี้ได้ทานอาหารเที่ยงใต้ร่มไม้ใหญ่บรรยากาศดีมาก ๆ เพราะบรรยากาศร่มรื่นไม่ร้อนระอุทั้ง ๆ ที่เป็นฤดูร้อนแท้ ๆ จะว่าไปแล้วผมยังสงสัยอยู่เลยว่าทำไมต้นไม้ที่บนเกาะยังคงเขียวเหมือนฤดูฝนทั้ง ๆ ที่เป็นช่วงเดือนเมษาซึ่งแทบไม่มีฝนตกเลย … นี่คงเป็นจุดเด่นอย่างหนึ่งของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ คือยังคงความเป็นธรรมชาติอยู่มาก ๆ และทางอุทยานกับผู้ประกอบการทัวร์ที่นี่ก็ช่วยกันรักษาสภาพแวดล้อมไว้อย่างดี … การทานข้าวเที่ยงไป นั่งกินลมชมวิวไป ฟินอย่าบอกใคร …
เสร็จจากทานข้าวเที่ยงก็นำสัมภาระไปเก็บไว้ที่บ้านพัก แอบงงตรงที่มีแอร์ด้วย เกินคาดจริง ๆ แม้จะใช้ใช้งานได้เฉพาะช่วงกลางคืนตามที่อุทยานกำหนดไว้ก็เถอะ แต่ก็เรียกได้ว่าสะดวกสบายมาก ๆ สำหรับการพักผ่อนที่เกาะซึ่งอยู่ห่างไกลแผ่นดินใหญ่แบบนี้ ส่วนคนที่ต้องการบรรยากาศแบบ camping จริง ๆ ก็มีเต็นท์ให้เช่า ตั้งอยู่ริมหาดทางด้านหลังของที่ทำการ เรียกได้ว่าตื่นขึ้นมาก็เห็นวิวทะเลเลย จะว่าไปแล้วได้บรรยากาศมากกว่าพักในบ้านเป็นหลังซะอีก
เก็บของเรียบร้อยแล้ว นักท่องเที่ยวบางส่วนออกไปดำน้ำ ณ จุดอื่น ๆ แต่ผมอยากเก็บภาพที่บนเกาะมากกว่าจึงขอ อยู่เกาะเดินถ่ายภาพบริเวณชายหาดรอบ ๆ ที่ทำการอุทยาน โดยเฉพาะตรงช่องขาดที่สีของน้ำทะเลและทรายจุดนี้สวยบาดใจมาก ๆ แถมด้วยหินรูปทรงเหมือนไก่ที่เป็นอีกหนึ่ง land mark ของหมู่เกาะสุรินทร์
บรรยากาศชายหาดใกล้ ๆ ที่ทำการอุทยาน
ช่วงเย็นวันนั้นน้ำลง ผมก็เลยเดินลัดเลาะริมฝั่งไปเก็บภาพพระอาทิตย์ตก และดูเหมือนเหล่าช่างภาพจะใจตรงกัน เพราะหลายคนมารอถ่ายภาพอยู่ใกล้ ๆ กัน พอพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าก็พร้อมใจกันเดินกลับโดยมิได้นัดหมาย
บรรยากาศพระอาทิตย์ตกยามเย็นที่หมู่เกาะสุรินทร์
มื้อค่ำวันนั้นบริการโดยกรีนวิวทัวร์อีกเช่นกัน แต่คราวนี้เสิร์ฟเป็น set menu ทานกันจนอิ่มเหมือนเดิม โดยมีพนักงานของทัวร์คอยเข้ามาสอบถามอยู่เรื่อย ๆ ว่าต้องการอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ ดูแล้วอบอุ่นดีและมี service mind กันทุกคน …
หลังจากมือค่ำผมรีบอาบน้ำนอนแต่หัวค่ำเพราะมีแผนจะออกไปถ่ายภาพดาวและทางช้างเผือกตอนหัวรุ่ง … มารู้สึกตัวก็ตอนที่มือปลุกบอกเวลาตี 3 ผมเดินดุ่ม ๆ ท่ามกลางความมืดไปบริเวณหาดด้านหลัง ทดลองตั้งค่ากล้องตามที่หาข้อมูลมา แต่ดูเหมือนตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะจะมีแต่ดาวเท่านั้นทำให้ได้ภาพไม่สวยเท่าที่ควร … ผมเดินมาอีกหน่อยบริเวณหินรูปไก่ใกล้ ๆ กับช่องขาด และถือโอกาสใช้หินไก่นี้เป็น foreground ซะเลย … ผมตั้ง ISO ที่ 1600 รูรับแสงกว้างสุดของเลนส์ที่ f 4 และเปิดรับแสงเป็นเวลา 30 วินาที คราวนี้เริ่มมองเห็นทางช้างเผือกแบบราง ๆ จึงตัดสินใจใช้ค่าแสงนี้ในการถ่ายภาพต่อไป และค่อยไปดึงแสงขึ้นในกระบวนการ post process … ผมใช้เวลาถ่ายภาพมุมโน่นมุมนี้อยู่ราวครึ่งชั่วโมงก็กลับไปนอน แล้วตั้งนาฬิกาปลุกอีกรอบตอนตี 5 … รอบนี้หลับ ๆ ตื่น ๆ หลายครั้งจนได้เวลา จึงลุกไปถ่ายภาพอีกรอบ คราวนี้เจอช่างภาพ 4-5 คนออกมาถ่ายภาพเช่นกัน ทำให้บรรยากาศดูน่ากลัวน้อยลง อิอิ … เวลานี้แสงสีชมพูอ่อน ๆ เริ่มปรากฏที่ขอบฟ้าแล้ว ทำให้ได้อีกบรรยากาศหนึ่ง แต่ความสว่างของกลุ่มดวงดาวก็ลดลงไปมากจึงได้ภาพที่บรรยากาศต่างกันโดยสิ้นเชิง ถ่ายภาพได้ราวครึ่งชั่วโมงผมก็กลับไปนอนเอาแรงอีกรอบ
ทดลองถ่ายภาพดาวกับทางช้างเผือก
จนถึงเวลานัดทานอาหารเช้า ก็ออกไปเจอกับเจ้าหน้าที่ทัวร์ที่ร้านอาหารของอุทยานเพื่อรับคูปองสำหรับเครื่องดื่ม และอาหารเช้าซึ่งวันนี้เป็นข้าวผัดกุ้งจานโต (แต่ไม่เหลือ อิอิ) เช้านี้ผมมีนัดกับเรือหางยาวที่จะพาไปชมหมู่บ้านมอร์แกน (ชาวเล) และเที่ยวชมหาดไม้งามซึ่งเป็นอีกจุดหนึ่งซึ่งมีที่พักของอุทยาน …
เช้านี้อากาศดีกว่าเมื่อวาน ทำให้ผมสนุกกับการเก็บภาพบรรยากาศทะเลยามสายมาก และระหว่างนั่งเรือไปยังหมู่บ้านมอร์แกน ก็พบเหล่าเด็ก ๆ ชาวมอร์แกนพายเรือไม้ของพวกเขาออกจากหมู่บ้าน มาทราบภาพหลังว่าไปหาหอยเม่นเป็นอาหารกัน
เช้านี้อากาศดี น้ำทะเลสวยกว่าเมื่อวาน
หมู่บ้านมอร์แกนในทุกวันนี้ ถูกกำหนดโดยทางการให้ตั้งอยู่ถาวรที่เกาะสุรินทร์ใต้ ไม่ต้องโยกย้ายเหมือนสมัยก่อน และทุกคนก็อยู่ร่วมกันที่นี่ทำให้ดูแลและช่วยเหลือได้ง่ายขึ้น แม้วิถีชีวิตของมอร์แกนทุกวันนี้ได้รับอิทธิพลจากสังคมยุคใหม่ไปเยอะแล้ว แต่ก็ยังสามารถมองเห็นความไร้เดียงสาของเด็ก ๆ , บ้านเรือน และสิ่งน่าสนใจอื่น ๆ ของชาวมอร์แกนได้จากที่นี่
บรรยากาศที่หมู่บ้านมอร์แกน หมู่เกาะสุรินทร์ใต้
หลังจากถ่ายภาพได้ราวครึ่งชั่วโมง ผมก็ออกเดินทางไปยังหาดไม้งาม ซึ่งอยู่ด้านตะวันตกของเกาะสุรินทร์เหนือ โดยเรือจอดที่อ่าวอีกด้านหนึ่งและเดินเท้าช่วงสั้น ๆ เพื่อไปยังหาดไม้งาม
ที่หาดไม้งามวันนี้ น้ำขึ้นสูงมาก ทำให้แทบไม่เห็นพื้นที่หาดทรายเลย … จุดเด่นของที่นี่ซึ่งเห็นได้ชัดเจนคือ ไม้ใหญ่ที่ขึ้นอยู่ริมฝั่งร่มรื่นมากและทอดกิ่งลงไปบริเวณหาดทราย ใช้เป็นที่ผูกเปลนอนเล่นได้เป็นอย่างดี
และด้านทิศใต้มีแนวต้นโกงกางทำให้ได้บรรยากาศที่แตกต่างจากหาดอื่น ๆ ของที่นี่ ที่สำคัญทรายตรงจุดนี้นุ่มมาก ๆ ครับ ผมเหยียบแล้วนึกถึงที่หมู่เกาะสิมิลันเลย .. เห็นชาวต่างชาติมานั่ง ๆ นอน ๆ อ่านหนังสือแล้วมีคำถามในใจเหมือนกันว่าทำไมไม่ค่อยเห็นคนไทยทำแบบนี้ เวลาไปเที่ยวมักจะไม่ค่อยพกหนังสือไปอ่าน ถ้าว่างก็นั่งเล่น facebook มากกว่าที่จะปลดปล่อยอารมณ์ไปกับธรรมชาติรอบข้าง … ที่ว่ามานี่รวมถึงผมด้วยนะ อิอิ
บรรยากาศที่หาดไม้งาม
ขากลับระหว่างนั่งเรือมายังที่ทำการอุทยาน คนขับเรือชี้ให้ดูเต่าตัวใหญ่ที่กำลังว่ายน้ำอยู่ใกล้ๆ นับเป็นการเจอเต่าทะเลตามธรรมชาติครั้งแรกของผม และเป็นการยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าหมู่เกาะสุรินทร์ยังคงสมบูรณ์มากทีเดียว ช่วงบ่ายของวันนั้น ผมยังคงเก็บภาพวิวสวย ๆ ของที่นี่เหมือนเดิม และก็โชคดีอีกครั้งเมื่อได้เจอลูกฉลามหูดำว่ายน้ำอยู่ริมฝั่ง แม้จะเป็นแค่ลูกฉลามแต่ก็ทำให้ผมตื่นเต้นไม่น้อย เพราะไม่คิดว่าจะเจอริมหาดแบบนี้ …
เก็บตกภาพรอบ ๆ ที่ทำการอุทยานอีกสักรอบ
นักท่องเที่ยวที่ผมพูดคุยด้วยเล่าให้ฟังว่า เมื่อวานเขาก็เจอตรงหาดอีกด้านหนึ่ง และตรงช่องขาดมีดอกไม้ทะเลและปลานีโม่ (ปลาการ์ตูน) ด้วย … ผมก็ได้แต่หวังว่าจะหมู่เกาะสุรินทร์จะยังคงความเป็นธรรมชาติแบบนี้ให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาชื่นชมอีกนาน ๆ
ขากลับเราต้องนั่งเรือหางยาวไปขึ้นเรือ speed boat ที่จอดรออยู่นอกอ่าว เพราะน้ำลงมาก ระหว่างนั่งเรือหางยาวไกด์ผู้ใจดีพาเราแวะไปถ่ายภาพกลุ่มเด็กมอร์แกนที่กำลังดำน้ำเก็บหอยเม่นกัน เป็นที่ระลึกก่อนโบกมือลาเกาะสุรินทร์ นับเป็นภาพวิถีชีวิตที่หาดูได้ยากมากทีเดียว …
ทริปนี้นับเป็นอีกครั้งที่ได้มาสัมผัสทะเลอย่างใกล้ชิด แบบไม่ต้องเร่งรีบ และได้อิ่มเอมกับธรรมชาติอย่างแท้จริง … หากเพื่อนๆ จะมาเที่ยวที่หมู่เกาะสุรินทร์ผมอยากแนะนำให้นอนพักอย่างน้อยหนึ่งคืน เพื่อจะได้มีเวลาเที่ยวจุดต่าง ๆ ได้อย่างทั่วถึง หากเพื่อน ๆ สนใจติดต่อกรีนวิวทัวร์ได้ที่ 086-268 6888, 091-523 3088 หรืออีเมล greenviewtour99@gmail.com … สำหรับโปรแกรมทัวร์คร่าว ๆ ดูได้จากโบรชัวร์ด้านล่างเลยครับ