แกร๊ก ๆๆๆ เลื่อนเมาส์ดู facebook time line ช่วงนี้มีแต่ภาพภูเขา ทะเลหมอก ดอกไม้ จากเพื่อนสนิทก็มี ไม่รู้จักก็เยอะ โผล่มากระตุ้นฮอร์โมนท่องเที่ยวให้พลุ่งพล่านเป็นระยะ บางคนทำร้ายจิตใจยิ่งกว่าด้วยการส่งภาพกำลังโกยหิมะเล่นลงประกวด … แบบนี้จะยอมได้ไง ลองไปค้น ๆ ดูหน่อยว่าหลายปีที่ผ่านมาผมไปเจอทริปแบบหนาว ๆ ที่ไหนมาบ้าง อิอิ

New Zealand

ทริปนี้เป็นครั้งแรกที่ผมได้เดินทางไปต่างประเทศไกลๆ ก่อนหน้านั้นก็แค่ข้ามสะพานแม่สาย หรือไม่ก็ขับรถออกไปเติมนํ้ามันรถยนต์ที่ชายแดนฝั่งมาเลเซียก็นับว่าข้ามประเทศแล้ว อิอิ .. ทริปนี้ไปในช่วงปลายเดือนเม.ย. ต่อต้นเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นปลายฤดูใบไม้ร่วงและเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว แน่นอนว่าสำหรับคนภูเก็ตแบบผม ไปเจออุณหภูมิตํ่ากว่า 10 องศาก็หนาวสะท้านสิครับ อีกอย่างตอนนั้นยังไม่ค่อยมีประสบการณ์เรื่องการรับมืออากาศหนาวเลยเจอหวัดโจมตีระหว่างทริป ดีกรีความสนุกหดหายไปเยอะเลย

ภาพนี้บันทึกบนถนนเลียบทะเลสาบ Pukaki เพื่อไปยัง Mt. Cook … เป็นภาพที่ผมใฝ่ฝันว่าสักวันนึงต้องมาเห็นด้วยตาตัวเองให้ได้ … ทะเลสาบสีฟ้าที่มีเทือกเขาซึ่งถูกปกคลุมด้วยหิมะเป็นฉากหลังสวยงามเกินบรรยายจริง ๆ (ส่วนอากาศก็หนาวเกินพรรณนา เช่นกัน)

ภาพนี้เป็นเช้าวันหนึ่งในทริปเดียวกันที่ผมบันทึกหน้าบ้านพักในเมืองเล็ก ๆ ชื่อ Twizel … อากาศเย็นจัดจนนํ้าแข็งจับตัวบนยอดหญ้า นับเป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นแม่คนิ้ง (version inter อิอิ)

Switzerland

ประเทศนี้เป็นประเทศในฝันของผมเลย และก็เป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัสหิมะแบบเต็มไม้เต็มมือ แบบว่าได้เอามาโยนเล่นจนฝรั่งที่อยู่ใกล้ ๆ เหลือบตามองว่ามันจะตื่นเต้นอะไรของมันนักหนา ก็แค่หิมะ! … อ้าวก็บ้านเค้าไม่มีนี่นาได้เจอแบบนี้ก็ต้องดีใจเป็นธรรมดาใช่มะ ลองถ้ามีหิมะตกที่ภูเก็ตเมื่อไหร่จะเชิดใส่ให้ดู อิอิ

ทริปนี้ทำให้ได้รู้ว่ากางเกงยีนส์หนา ๆ ไม่ได้ช่วยกันหนาว และที่เห็นแดดเปรี้ยง ๆ ไม่ได้แปลว่าร้อน แต่มันอาจหนาวกว่านอนในตู้เย็นซะอีก

ภาพนี้บันทึกในวันที่เดินทางสู่ Jungfrau ยอดเขาสูงที่อากาศหนาวเย็นตลอดปี ก่อนขึ้นสู่ Jungfrau ผมแวะเดินเล่นที่หมู่บ้าน Gimmelwald และ Murren ซึ่งตั้งอยู่บนเทือกเขา ผมนั่งกระเช้าขึ้นไปแล้วเดินชมวิวตอนขาลง เส้นทางเดินสบาย ๆ มีทุ่งดอกหญ้าสองข้างทาง วิวก็สวยงามอลังการสุดบรรยาย

หลังจากเดินเล่นแบบสบาย ๆ ที่หมู่บ้านบนเนินเขาแล้ว เราก็นั่งรถไฟสายพิเศษขึ้นสู่ยอด Jungfrau และนี่คือหิมะแบบฟู ๆ บนยอด Jungfrau แม้แดดจะเปรี้ยง ลมไม่มี แต่อากาศเย็นสุดขั้วจนผมทนไม่ได้ต้องรีบวิ่งเข้าอาคารหลังจากถ่ายภาพได้ไม่นาน

Netherlands

ครั้งนี้เป็นทริปที่เรียกได้ว่าเจอความหนาวแบบโหดร้ายมาก ไปเนเธอร์แลนด์ผมไม่เจอหิมะครับ อุณหภูมิช่วงนั้นราว 2-5 องศา แต่ประเทศนี้อยู่ติดทะเลก็เลยมีลมช่วยพัดพาเอาความหนาวเหน็บแทรกซึมไปทุกรูขุมขน ผมไปถึงวันแรกนอนไม่หลับเพราะร่างกายยังปรับเวลาไม่ได้ ก็เลยเดินออกไปถ่ายภาพพระอาทิตย์ขึ้นตอนตี 5 แต่เจ้ากรรมลืมเอากุญแจบ้านออกไปด้วย เจออากาศและลมหนาวมากจนปากชาขยับไม่ได้ นิ้วเหมือนจะหลุดออกมาตอนกดชัตเตอร์ถ่ายภาพ หนีลมหนาวกลับเข้าบ้านก็ไม่ได้เพราะไม่มีกุญแจ จะปลุกเพื่อนก็เกรงใจเพราะยังเช้ามาก สรุปแล้วต้องทนจนพระอาทิตย์ขึ้น เรียกได้ว่าหนาวแทบตาย

บรรยากาศยามเช้าที่ Zaanse Schans … อากาศประมาณ 2 องศาแต่รู้สึกหนาวจนปากขยับไม่ได้เพราะลมแรงมาก

Italy

หลังจากมีประสบการณ์ท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ การเตรียมเนื้อเตรียมตัวทริปหลัง ๆ ดีขึ้นมาก อย่างทริปอิตาลีรอบนี้อากาศหนาวเช่นกัน แต่เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม รองเท้าจัดเต็ม ก็เลยเป็นทริปที่รับมือได้ชิล ๆ

ทริปอิตาลีของผมไม่ค่อยเหมือนของคนอื่น เพราะผมเที่ยวแถบเทือกเขา Dolomite ทางตอนเหนือของประเทศ ทิวทัศน์แถบนี้เหมือนสวิสเซอร์แลนด์ ช่วงที่ผมไปเป็นช่วงปลายฤดูหนาว หิมะเล่มละลายแล้ว แต่ทะเลสาบบางส่วนยังเป็นนํ้าแข็งอยู่ … จริง ๆ คาดหวังว่าจะได้เจอทุ่งดอกหญ้าแต่กลับเจอกองหิมะแทนเพราะอากาศปีนั้นหนาวยาวนานกว่าปกติ

Austria

อันนี้เป็นทริปล่าสุดปีที่ผ่านมานี้นี่เองครับ พาคุณพ่อกับคุณแม่และหลานไปสัมผัสความสวยงามของยุโรปแบบที่เราเคยเจอบ้าง … และหนึ่งในเมืองที่ไปเยือนคือ Stubai ซึ่งเป็นเมืองในหุบเขาที่คนไทยอาจไม่ค่อยคุ้นเคยนัก แต่บรรยากาศเงียบสงบสวยงามมาก

ที่พักของผมในเมือง Stubai แถมบัตรสำหรับขึ้นกระเช้าไปเล่นสกีบนยอดเขา Stubaital ให้ด้วย … ถึงจะไม่ได้เล่นสกีกัน แต่ทุกคนก็สนุกสนานกับการเล่นหิมะมาก

แม้ผมจะผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายทศวรรษ เอ้ย! หลายทริป บอกได้เลยว่าการจัดเตรียมกระเป๋าสำหรับ ทริปหน้าหนาวนั้นลำบากยากเย็นกว่าที่ทริปหน้าร้อนเป็นไหนๆ ทำไมน่ะเหรอก็เพราะบ้านเราอยู่ในเขตร้อนชื้น เวลาไปเที่ยวเมืองหนาว โดยเฉพาะต่างประเทศ หากเตรียมตัวไม่ดี ไม่เพียงแต่จะต้องเจอความหนาวเย็นระดับที่ทุกอย่างหดหายเหมือนโดนไฟฉายย่อส่วนของโดเรม่อนเท่านั้น แต่อาจพาลทำให้เป็นไข้ไม่สบายได้ง่าย ๆ จากสภาพอากาศที่ร่างกายปรับตัวตามไม่ทัน … งั้นวันนี้ขอแชร์ tips เรื่องการจัดเตรียมกระเป๋าเดินทางสำหรับทริปหน้าหนาวดีกว่า ว่าต้องเตรียมอะไรไปรับมือกับอากาศหนาวๆ บ้าง และที่สำคัญเราจะสร้างภูมิคุ้มกันอาการป่วยจากอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างไร

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า “หนาว” ในที่นี้หมายถึงอุณหภูมิราว 1-10 องศาไม่ว่าจะเป็นไทยหรือต่างประเทศ เพราะถ้าอุณหภูมิสูงกว่านี้ขอเรียกว่า “เย็น” ส่วนอุณหภูมิติดลบระดับ “หนาวหูหลุด” หรือ “นํ้าแข็งเกาะหนวด” ก็ใช้อุปกรณ์เดียวกับที่จะแนะนำนี่แหละ เพียงแต่ดีกรีของเครื่องป้องกันความหนาวอาจต้อง advance ขึ้นไปอีกระดับเท่านั้นเอง ..

วิตามินซี

หลายคนคิดไม่ถึง จึงเอาสิ่งนี้มาบอกเป็นอย่างแรก บอกเลยว่าสำคัญมาก จงพกติดตัวไปทุกทริปโดยเฉพาะเมื่อต้องผชิญสภาพอากาศที่ไม่คุ้นเคย … ผมเจอกับตัวมาแล้ว ออกจากเมืองไทยอุณหภูมิ 30 กลางๆ ลงเครื่องปุ๊ปเจออากาศหนาวตํ่ากว่า 5 องศาแถมด้วยลมกระหนํ่า … เพื่อนที่ช่วยขับรถป่วยสิครับพี่น้อง กว่าจะหายก็หลายวัน แถมบางวันต้องนอนซมอยู่ในที่พักในขณะที่เพื่อนคนอื่นออกไปเที่ยวกัน หมดสนุกไปเลย

ทริปหลังๆ ผมจึงกินวิตามินซีก่อนเดินทางเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันไว้ก่อน และพกวิตามินซีแบบ 1000 มิลลิกรัมติดตัวไปทุกทริป เพราะอย่างที่รู้ๆ กันอยู่แล้วว่าวิตามินซีช่วยเพิ่มภูมิต้านทานต่อการเป็นหวัดได้เป็นอย่างดี หรือกระทั่งเป็นหวัดแล้วได้วิตามินซีเข้าไปก็จะช่วยให้อาการหวัดหายเร็วขึ้นมาก ไม่ต้องพึ่งพายาอื่นๆ (ในหลายประเทศเราซื้อยาแก้ไขแก้หวัดทานเองไม่ได้นะครับถ้าไม่มีใบสั่งแพทย์)

อ้อ! ขอร้องอย่าไปซื้อวิตามินซีรสเปรี้ยวๆ หวานๆ ตาม minimart มานะ อันนั้นไว้ให้เด็กๆ เค้ากินเล่น อิอิ

ครีมและโลชั่น

เนื่องจากอากาศที่เมืองนอกจะแห้งไม่ชุ่มชื้นเหมือนบ้านเรา หลายๆ คนเมื่อไปเที่ยวเมืองหนาวจึงมักประสบอาการผิวแห้งจนแตกลอกออกมา หากเป็นบริเวณที่ได้รับการเสียดสีบ่อยๆ อย่างเช่นตรงตะเข็บกางเกงหรือโคนขาอาจเกิดแผลเป็นที่จะทิ้งร่องรอยไว้เป็นปี ๆ เลยทีเดียว เชื่อเถอะว่ามันแย่ยิ่งกว่าแผลเป็นสายฟ้าฟาดของแฮรี่ซะอีก ดังนั้นต้องเตรียมครีมที่ให้ความชุ่มชื้นติดกระเป๋าไปด้วยเสมอ ทั้งนี้ถ้าปกติใครผิวแห้งอยู่แล้วต้องเลือกแบบที่เข้มข้นหน่อยไม่เช่นนั้นเอาไม่อยู่ครับ

อีกอย่างที่ควรเตรีมไปด้วยคือครีมกันแดดครับ เพราะอากาศหนาวทำให้หลายคนลืมเรื่องแดดไป กลับมาจากทริปเมืองหนาวตัวดำซะงั้น … ดังนั้นจงเตรียมครีมกันแดดไปด้วยเหมือนไปเที่ยวทะเลนั่นแหละ

ลิปบาล์มหรือลิปกลอส

อันนี้ใช้กันปากแตกจากอากาศที่แห้ง ให้พกไว้ในกระเป๋าถือที่หยิบออกมาใช้ได้ง่าย ๆ เพราะควรจะทาเรื่อย ๆ ตลอดวัน … อ้อ อันนี้ไม่สามารถป้องกัน “ปากแตก” จากสาเหตุไปกวนบาทาชาวบ้านนะเออ

แผ่นทำความร้อน

จริงๆ แล้วแผ่นทำความร้อนมีหลายแบบ ทั้งแบบที่เป็นไฟฟ้าและแปะติด แต่ขอแนะนำให้หาซื้อแบบแปะติดจะดีกว่าเพราะบางเบาพกสะดวก ใช้ติดด้านในสุดของชุดที่สวมใส่ หลังจากนั้นเจ้าแผ่นทำความร้อนนี่ก็จะทำ

ปฏิกิริยากับอากาศจนเกิดความร้อนที่จะช่วยให้ความอบอุ่นร่างกายเราได้ตลอดวัน … ผมไม่แน่ใจว่ามียี่ห้อที่ผลิตในเมืองไทยหรือเปล่า แต่ที่นิยมเห็นจะเป็นของญี่ปุ่นเค้าล่ะครับ

อุปกรณ์กันหนาวและเสื้อผ้า

เรื่องนี้เป็นสิ่งแรกที่ทุกคนคิดถึงอยู่แล้ว แต่อย่าได้คิดว่าแค่เสื้อ jacket ที่เคยสวมใส่กันแดดในบ้านเราจะเอาไปใช้ในเมืองหนาวได้ดี เพราะลักษณะเส้นใยมันต่างกัน … หากยอมลงทุนซื้อตั๋วไปเที่ยวเมืองนอกนอกเมืองนาแล้วก็ลงทุนอีกหน่อยซื้อเสื้อกันหนาวที่มันเหมาะกับอุณหภูมิระดับตํ่า 10 ด้วย จะใช้ heat tech หรือใช้เนื้อผ้าที่มีสัดส่วนของ wool 40-60% ขึ้นไปก็ได้ … สำหรับคนที่ขี้หนาวควรมีลองจอนติดไปด้วยจะช่วยให้ความอบอุ่นได้มากทีเดียว … อ้อสำหรับเสื้อกันหนาว ถ้าเป็นไปได้ให้เลือกแบบที่มีฮู้ดก็ดีนะครับเพราะช่วยกันลมได้ด้วย …

รองเท้า, ถุงเท้า, ถุงมือ

สำหรับรองเท้าขอให้เป็นผ้าใบหรือบู๊ทแบบสวมใส่สบายเป็นพอ แต่ถ้าต้องไปลุยหิมะขอให้แน่ใจว่าพื้นรองเท้าเหมาะกับการเดินบนหิมะลื่นๆ และกันนํ้าได้ ไม่เช่นนํ้าจะทำให้ภายในร้องเท้าชื้นแฉะได้ …

สำหรับถุงมือลองหาแบบที่ถอดหรือพับปลายนิ้วได้ เพราจะช่วยให้หยิบจับอะไรง่ายขึ้นโดยเฉพาะช่างภาพแบบผมได้ถุงมือแบบนี้ทำให้การถ่ายภาพท่ามกลางอากาศหนาวสะดวกสบายขึ้นเยอะเลย

แว่นตากันแดด

อันนี้กันหนาวไม่ได้ แต่ถ้าต้องไปลุยหิมะแนะนำว่าต้องมีไม่งั้นบอกเลยว่าจะปวดตามากมายกับแสงสะท้อนจากปุยหิมะขาว ๆ

เครื่องกันหนาวอื่น ๆ

สำหรับเครื่องกันหนาวอื่นๆ ที่ช่วยบรรเทาความหนาวได้อย่างเช่น ผ้าพันคอ, หมวกไหมพรมที่สามารถปิดหูได้ หรือที่ปิดหูกันหนาวก็อย่าลืมติดกระเป๋าไปนะครับเพราะนอกจากให้ความอบอุ่นแล้วยังเป็นเหมือนพร็อพเก๋ ๆ สำหรับถ่ายภาพด้วย ที่สำคัญมันช่วยทำให้คนที่กำลังดูภาพรู้ว่าอากาศหนาวจริงๆ นะ อิอิ

เป็นไงครับไม่ยากเลยใช่ไหม แค่นี้เราก็พร้อมลุยทริปหน้าหนาวปีนี้แล้ว … ใครมีทิปอะไรดี ๆ ก็เอามาแชร์กันได้ครับ ส่วนผมขอตัวไปวางแผนการเดินทางต่อก่อนนะคร้าบ