สำหรับจังหวัดท่องเที่ยวอย่างภูเก็ตแล้ว มีที่พักให้นักท่องเที่ยวเลือกมากมายเหลือเกิน การที่รีสอร์ทไหนสักแห่ง จะขึ้นมายืนอยู่แถวหน้าในใจของลูกค้าอย่างต่อเนื่องยาวนานไม่ใช่เรื่องง่าย มันต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างซึ่ง “พิเศษ” จริง ๆ … วันนี้ผมจะพาไปค้นหาคำตอบนั้นที่ Banyan Tree Phuket
Banyan Tree Phuket ตั้งอยู่ ณ หาดบางเทา บนบริเวณซึ่งเคยเป็นเหมืองเก่าของภูเก็ตและได้รับการปรับภูมิทัศน์ให้สวยงามร่มรื่นสไตล์รีสอร์ท … บึงซึ่งเกิดจากการขุดทรายหาแร่หรือที่คนภูเก็ตเรียกว่า “ขุมเหมือง” ถูกเนรมิตให้เป็น “ลากูน” ริมทะเลกลายเป็นจุดขายอย่างหนึ่งของรีสอร์ทต่าง ๆ ในบริเวณนี้
สำหรับการเดินทาง เพื่อน ๆ ที่ใช้รถส่วนตัวเหมือนกับผม สามารถตรงไปล็อบบี้ได้เลยเพราะมีบริการ valet parking ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพนักงานดูแลเรื่องการจอดรถให้เรา …
การเช็คอินน์เป็นไปด้วยความเรียบง่าย หลังจากลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว พนักงานนำผมไปยังห้องพักแบบ Pool Villa พร้อมแนะนำสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ในห้องพักและข้อมูลที่จำเป็นอื่น ๆ … อ้อ! น้องพนักงานยิ้มแย้มและพูดคุยอย่างมืออาชีพมากครับ
สำหรับงานดีไซน์แบบไทยประยุกต์ของ Banyan Tree Phuket นั้นผมคุ้นเคยอยู่แล้วเพราะเห็นในโฆษณาบ่อยๆ (แหม เกริ่นซะดูดีเหมือนมาพักบ่อย 555) … ความสนใจสำหรับผมในการเข้าพักครั้งนี้จึงอยู่ที่ layout และ function ของห้องพักมากกว่า ผมรู้สึกว่าทำได้ลงตัวทีเดียวบนพื้นที่ขนาด 170 ตร.ม. .. ส่วนของห้องนอนนั้นเชื่อมต่อกับบริเวณนั่งเล่นที่เพดานยกสูงและสามารถเปิดประตูเดินลงสระน้ำส่วนตัวได้เลย อีกด้านของสระว่ายน้ำเป็นศาลาทรงไทยอเนกประสงค์วิวลากูน ข้าง ๆ สระเป็นพื้นที่สีเขียวกับ day bed เชื่อมต่อไปยังห้องน้ำและบริเวณแต่งตัวแยกหญิงชาย … โดยรวมต้องบอกว่ามีการจัดสรรพื้นที่ได้ดีมากและมีความเป็นส่วนตัวสูง … สำหรับวัสดุที่เป็นโครงสร้างบางส่วนดูมีอายุอานามพอสมควร แต่เครื่องนอนและเครื่องใช้ต่าง ๆ ยังขาว-ฟูน่าใช้น่าสัมผัส และภาพรวมก็ยังดูดีอยู่ … หากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพ ลองนึกถึงคุณอานิรุตติ์ ศิริจรรยาครับ แม้จะเป็นนักแสดงรุ่นใหญ่แต่ก็ยังเนี้ยบมาก … Banyan Tree Phuket นี่อารมณ์นั้นเลย
สำหรับสระว่ายน้ำส่วนตัวของ Pool Villa นั้นบุด้านข้างด้วยกระจกชั้นนึงก่อนที่จะเป็นกระเบื้อง ดังนั้นจะสามารถ่ายภาพบรรยากาศใต้สระจากด้านข้างได้เลยโดยไม่ต้องใช้กล้องใต้น้ำ น่าจะทำให้หลาย ๆ คนชอบในจุดนี้ … เสียดายที่ความยาวสระของห้องประเภทนี้อาจจะไม่มากนักทำให้คนชอบว่ายน้ำอาจจะต้องใช้วิธีว่ายไปกลับหลาย ๆ รอบแทน
ผมใช้เวลาช่วงบ่ายแบบสบาย ๆ ในห้องสลับกับนั่งทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ยอมรับเลยว่าบรรยากาศรอบข้างมันเอื้อต่อการพักผ่อนมาก ๆ … มากแบบที่รู้สึกว่าอยากอยู่นิ่ง ๆ ตรงนี้โดยไม่ต้องออกจากวิลล่าเลย … นี่กระมังคือส่วนหนึ่งที่ทำให้ Banyan Tree Phuket ขายได้โดยที่ห้องพักไม่ต้องมีวิวทะเลเลย
ช่วงค่ำผมใช้เวลาเก็บภาพบรรยากาศที่ห้องพัก, ล็อบบี้และห้องอาหาร Saffron ซึ่งคืนนี้มีเมนูพิเศษสไตล์ Moroccan ที่เชฟจะทำเตรียมอาหารแบบใกล้ชิด … จานที่ถูกปากมากที่สุดเป็นเนื้อแกะที่นุ่มลิ้นมาก ๆ
มื้อค่ำที่ Saffron
ห้องพักยามค่ำ
คืนแรกที่ Banyan Tree Phuket ผ่านไปอย่างรวดเร็ว แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ผมอยากขลุกอยู่ภายใต้ร่มผ้าห่มนุ่ม ๆ ไปจนสาย แต่ก็ต้องสะกดใจให้ตื่นขึ้นมาเก็บภาพบรรยากาศช่วงเช้า … แน่นอนล่ะว่ามีผมคนเดียวที่เดินไปตามถนนเล็ก ๆ อันร่มรื่นภายในรีสอร์ทเพื่อเก็บภาพในมุมต่าง ๆ โดยเฉพาะรอบ ๆ ลากูน …
เสียดายที่อากาศวันนี้ไม่เอื้อต่อการถ่ายภาพเลยเพราะเมฆฝนครึ้มไปทั่วท้องฟ้า แทบไม่มีแสงสียามเช้าเลย ถ่ายภาพได้ไม่นานนัก ผมจึงมุ่งหน้าไปทานอาหารเช้าแทน …
ผมเป็นคนแรกที่ใช้บริการห้องอาหาร Watercourt สำหรับวันนี้เลย … มื้อเช้าของ Banyan Tree ถือว่าหลากหลายพอสมควร มีทั้งแบบที่เป็น buffet line และสามารถสั่งเพิ่มเติมได้จาก station ต่าง ๆ … ที่ผมคิดว่าน่าจะยังทำได้ดีขึ้นอีกคือส่วนของสลัดที่ผมรู้สึกว่าผักไม่ค่อยหลากหลายเท่าไหร่ (ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีกี่คนคิดเหมือนผม เพราะส่วนใหญ่ผมเห็นเค้า enjoy กับเมนูหนัก ๆ กันทั้งนั้น 555)
หลังจากปล่อยให้มื้อเช้าย่อยได้สักพัก ก็ได้เวลาออกกำลังเพื่อ burn ในสระว่ายน้ำส่วนตัวซักหน่อย …
วันนี้ผมมีโปรแกรมต้องย้ายห้องพักไป Signature Pool Villa ซึ่งเป็นอีก category ที่สูงกว่า Pool Villa .. ทั้งนี้ layout จะมีความคล้ายกันมาก แต่สระว่ายน้ำใหญ่ขึ้นอีกพอสมควร Bath tub ทำจากแกรนิตแทนที่จะเป็นแบบลอยตัวเหมือน Pool Villa และพื้นที่โดยรวมเพิ่มขึ้นเป็น 270 ตร.ม.
ห้องพักแบบ Signature Pool Villa
หลังจากนำสัมภาระไปยังห้องใหม่แล้วก็ได้เวลาสำหรับมื้อเที่ยงที่วันนี้ผมใช้บริการของห้องอาหารญี่ปุ่น Tamarind ซึ่งอยู่ริมสระขนาดใหญ่บริเวณ Banyan Tree Spa … โต๊ะถูกจัดวางในพื้นที่ open air แบบเรียบง่าย มีเมนูอาหารญี่ปุ่นให้เลือกเยอะมาก ผมลองสั่งชุด Sushi แบบ import กับเนื้อปลาหิมะย่าง ทานคู่กับ Umeshu … ต้องบอกว่าคุณภาพวัตถุดิบดีมาก แต่ละอย่างสดและรสชาติอร่อยจริงๆ … ตอนเอามาเสิร์ฟผมคิดว่าทานไม่หมดแน่ ๆ แต่ที่ไหนได้ ทานไปถ่ายภาพไปไม่เหลือเลย อิอิ
ช่วงบ่ายของวันนี้มีโปรแกรมใช้บริการ Banyan Tree Spa อีกหนึ่ง highlight ภายใต้แบรนด์ Banyan Tree … ในฐานะคนที่เคยทำงานด้านสปามาหลายปี และใช้บริการสปาทั้งแบบธรรมดาและห้าดาวมาค่อนข้างเยอะ จึงรู้สึกดีใจเป็นพิเศษที่จะได้มีโอกาสสัมผัส “ของจริง” สักที
กระบวนการต้อนรับ ให้คำปรึกษาในการเลือกทรีตเมนต์เป็นไปอย่างมืออาชีพ หลังจากนั้นพนักงานจะนำไปยังห้องให้บริการแบบส่วนตัว … หากเทียบกับสปาห้าดาวหลายแห่งที่เคยใช้บริการ Banyan Tree ไม่ได้มอบประสบการณ์ของสถานที่แบบเว่อร์วังอลังการ แต่เป็นห้องที่ดูโปร่งโล่งสบายภายใต้ธรรมชาติในแบบของ Banyan Tree มากกว่า …
ทรีตเม้นต์ที่เลือกและความต้องการต่าง ๆ ถูกทบทวนอีกครั้งก่อนเริ่มให้บริการเพื่อให้แน่ใจว่าเราจะได้รับบริการแบบตรงใจมากที่สุด … สำหรับทักษะการนวดบอกได้เลยว่าพนักงานได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี มีความต่อเนื่องและใช้น้ำหนักได้อย่างเหมาะสมในแต่ละจุดทำให้ผ่อนคลายมาก ๆ …จบขั้นตอนการนวดมีการใช้น้ำมันและนวดบริเวณใบหน้าก่อนที่จะใช้ผ้าอุ่นประคบและเช็ดน้ำมันออกเพื่อเป็นการเรียกความสดชื่นอีกครั้ง ทีแรกก็กลัวว่าจะเหนอะแต่ปรากฏว่าไม่เลย กลับทำให้รู้สึกเฟรชด้วยซ้ำหลังจากที่ได้พักผ่อนแบบเต็มที่ไปชั่วโมงเต็ม ๆ
ต้องขออภัยจริง ๆ ที่ไม่ได้ถ่ายภาพในส่วนของสปานะครับ … คือแบบว่าตั้งใจมาผ่อนคลายโดยเฉพาะ
ช่วงบ่ายของวันนี้ผมยังคงขลุกตัวอยู่ในห้องพัก ซึ่งจะว่าไปก็แปลกใจตัวเองเหมือนกัน เพราะจะว่าไปรอบ ๆ รีสอร์ทมีอะไรให้ถ่ายภาพเยอะแยะ แต่ผมกลับอยากอยู่ใน Villa เพราะรู้สึกว่านี่แหละคือการได้ “พักผ่อน” อย่างแท้จริง
กว่าจะออกจากห้องพักอีกครั้งก็ได้เวลาอาหารค่ำพอดี ซึ่งวันนี้ผมไปทานเมนูซีฟู้ดที่ห้องอาหาร Watercourt … ใจจริงเลยผมอยากทานอาหารค่ำแค่เบา ๆ แต่ดูเหมือนจะขัดแย้งกับ concept หลักของห้องอาหารที่นำเสนอ seafood ก็เลยต้องสั่งมาลองเพื่อเป็นข้อมูลให้เพื่อน ๆ สักหน่อย … starter คือรายการที่อยากจะทานจริง ๆ เป็นสลัด lobster ซึ่งอร่อยมากทานเกลี้ยงจานเลย ถัดมาเป็นซุปร้อนสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนที่ไม่ได้มีแค่น้ำซุปข้น ๆ รสกลมกล่อมเท่านั้นแต่มีเนื้อซีฟู้ดสด ๆ มาด้วยทำเอาผมอิ่มตั้งแต่ main course ยังไม่เสิร์ฟ … The show must go on, main course เป็นพาสต้า 2 จาน 2 แบบ (จานนึงผมเลือกเอง อีกจานพนักงานแนะนำว่าต้องลอง) ยอมรับตรง ๆ ว่าทานไม่หมดเพราะอิ่มมาก ได้แต่เพียงชิมอย่างละนิดหน่อย ที่เซอร์ไพรส์คือ risotto ซึ่งพนักงานแนะนำอร่อยกว่าที่คิดไว้มาก (คือผมเองเคยมีประสบการณ์ไม่ค่อยดีกับ risotto เลยเลี่ยงที่จะสั่งเวลาไปตามร้านอาหารอิตาเลียน) … อ้อทั้งหมดนี้ทานคู่กับไวน์ขาวจากอิตาลีรสเยี่ยมดื่มง่าย (เหมาะสำหรับคนอ่อนพรรษาเรื่องไวน์แบบผม .. ต้องยกเครดิตให้พนักงานที่ช่วยแนะนำอีกแล้ว) … ปิดท้ายด้วยขนมหวานเป็น sherbet รสจี๊ดจ๊าดกับเค้กรสชาติตัดกันลงตัวมาก ๆ และช่วยแก้เลี่ยนจากเมนูก่อนหน้าได้อย่างดี
ระหว่างทางไปห้องอาหาร … เก็บภาพบรรยากาศไว้นิดหน่อย
บรรยากาศที่ห้องอาหาร Watercourt ยามค่ำ
คืนที่สองผ่านไปอย่างรวดเร็วบนเตียงนอนนุ่ม ๆ เช่นเคย … เช้าวันนี้ฝนตกปรอย ๆ ผมจึงถือโอกาสนอนต่อจนสาย ๆ ก่อนออกไปทานอาหารเช้าตามด้วยกลับมาว่ายน้ำต่อเพื่อชดเชยกับมื้อหนักเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา … ต้องบอกว่าสระที่ Signature Pool Villa นั้นว่ายน้ำสนุกกว่าห้องแบบ Pool Villa ที่พักคืนก่อนหน้าเพราะสระยาวกว่าพอสมควรเลยทีเดียว
สำหรับมื้อเที่ยงวันนี้ เป็นศึกหนักสำหรับผมอีกแล้ว เพราะต้องไปลอง Sunday Brunch ที่ห้องอาหาร Watercourt ซึ่งถือเป็นแหล่งนัดพบของคอ Sunday Brunch เป็นอันดับต้น ๆ ของภูเก็ตเลยทีเดียว … ผมไปถึงห้องอาหารเที่ยงเศษ ที่นี่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนแน่นห้องอาหาร ส่วนหนึ่งเป็นเพราะวันนี้มีฝนตกปรอย ๆ จึงไม่สามารถใช้พื้นที่ outdoor ได้ ก็เลยดูเหมือนภายในห้องอาหารจะพลุกพล่านไปสักนิด แต่นี่ก็เป็นเครื่องยืนยันได้ว่า Sunday Brunch ที่นี่ถูกอกถูกใจคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวจริง ๆ … ทั้งนี้ก็เพราะเมนูอาหารทะเลที่ขนกันมาให้เลือกแบบไม่อั้น ทั้งกุ้ง-หอย-ปู-ปลา รวมถึงเนื้อต่าง ๆ, ซูชิ และอาหารคาวหวานอีกสารพัด
สายอ่อนแบบผมเห็นแขกแต่ละคนที่ทาน lobster, ปู กันอย่างเปรมปรีย์ก็อิ่มแทนแล้ว จึงขอร้องให้พนักงานจัด seafood platter แบบสวย ๆ ให้สำหรับถ่ายภาพสักชุด เพราะถ้าผมไปเลือกเองก็คงเสียดายถ้าทานไม่หมด … เชฟก็ใจดีครับจัดมาให้สวย ๆ จานใหญ่ครบชุดเลย ถ่ายภาพเสร็จผมก็เลือกเฉพาะที่ทานมาเพียง 2-3 อย่าง ที่เหลือก็คืนไป … มื้อนี้ถือโอกาสสั่งแชมเปญมาดื่มเป็นการฉลองปิดท้ายวันพักผ่อนแสนพิเศษที่จะต้องอยู่ในความทรงจำไปอีกนาน
สำหรับ Sunday Bruch ทาง Banyan Tree จะจัดพนักงานจากสปามานวด บ่า-คอ-ไหล่ ให้ด้วยนะ
นอกเหนือจากที่ผมกล่าวมาข้างต้น Banyan Tree ยังมีสระว่ายน้ำส่วนกลาง, จักรยานให้ยืมใช้ในการปั่นชมวิวและออกกำลังภายในรีสอร์ท, ฟิตเนส, สนามเทนนิสและสนามกอล์ฟมาตรฐานด้วย แต่อย่างที่บอกครับ สำหรับผมแล้วแค่อยู่ในวิลล่าก็ “พอ” แล้ว
โดยสรุปต้องบอกว่าการได้มาที่ Banyan Tree Phuket ครั้งนี้เหมือนได้มาพักผ่อนจริง ๆ เพราะ Banyan Tree Phuket นำเสนอประสบการณ์ที่เรียกได้ว่า “กลมกล่อม” … ความประทับใจเกิดจากความเป็นกันเอง ยิ้มแย้มแจ่มใสและกระตือรือร้นของพนักงาน ผสานกับฟังก์ชันภายในห้องพักที่เอื้อต่อการพักผ่อน … สุดท้ายขอสรุปความคิดเห็นเป็นข้อ ๆ สำหรับเป็นข้อมูลให้เพื่อน ๆ อีกครั้งครับ
ข้อดี
- สถานที่กว้างขวาง บรรยากาศร่มรื่นน่าพักผ่อน
- ห้องพักสะดวกสบาย มีความเป็นส่วนตัวสูง ฟังก์ชันการใช้งานลงตัว สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องครบครัน ผลไม้ refill ทุกวัน
- พนักงานเป็นมิตร และคอยใส่ใจที่จะช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา
- มาตรฐานการบริการสูงในทุก ๆ จุด
ข้อสังเกต
- วิลล่าบางหลังเป็น garden view บางหลังเป็น lagoon view แต่ไม่มีวิวทะเล … อย่างไรก็ตามสามารถเดินจากรีสอร์ทไปยังหาดบางเทาได้สบาย ๆ
- บริเวณโต๊ะทำงานจะมีเต้าเสียบค่อนข้างน้อยและอยู่ในจุดที่ใช้งานไม่สะดวก คนที่มีอุปกรณ์เยอะ ๆ อาจจะลำบากสักหน่อยหรือไม่ก็ต้องขอปลั๊กไฟเพิ่มเติม
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมของ Banyan Tree Phuket (บันยันทรี ภูเก็ต) สามารถดูได้ที่
Website http://www.banyantree.com/en/ap-thailand-phuket-resort