ทันทีที่กรุมอุตุฯ ประกาศว่าประเทศไทยได้เข้าสู่ฤดูหนาวอีกครั้ง … นี่เป็นเหมือนสัญญาณนกหวีดให้สายเที่ยวทั้งหลายเตรียมตัวปัดฝุ่นชุดว่ายน้ำ ซื้อ sun screen กันอีกครั้ง …
เฮ้ย! ว่าไงนะ จะทากันแดดใส่ชุดว่ายน้ำเที่ยวภูเขาเรอะ???
อ้าว ไม่รู้หรอกเหรอว่าลมหนาวมาเมื่อไหร่ ทะเลอันดามันจะกลับมาสวยใสอีกครั้ง นี่แหละคือช่วงที่เหมาะที่สุดสำหรับการเที่ยวทะเลเลยนะจะบอกให้ … มามา ตามมาเลยเดี๋ยวจะพาไปเที่ยวทะเลกัน ทริปนี้นายมดจะพาไปบุกหมู่เกาะมังกรฝั่งประเทศพม่าโน่น แต่ไม่ต้องกลัวนะ ไม่ต้องใช้พาส-สะ-ปอด แค่บัตรประชาชนใบเดียวก็เที่ยวได้แล้ว ว่ากันว่าโลกใต้ทะเลที่หมู่เกาะมังกรของพม่านั้นยังสดนัก วิวรึก็แปลกหูแปลกตาเหมือนชายฝั่งออสเตรเลีย ส่วนชายหาดไม่ต้องสงสัย สวยพอฟัดพอเหวียงกับหมู่เกาะอันดามันบ้านเราเลยทีเดียว … ส่วนของแถมคือเราจะพักกันที่ระนอง จะพาไปหาที่พัก-ที่กิน-ที่เที่ยวสวยๆ กันให้จุใจ …
อ้อ! บอกไว้ก่อนว่าที่จะเล่านี่เป็นทริปสำรวจนะ ไปมาตั้งแต่ยังเป็นช่วงหน้าฝนโน่นแหละ ดังนั้นทะเลหน้าหนาว ณ บัดนาวจะสวยกว่าภาพที่เห็นนี้อีก 141% สาบานได้ … พร้อมยัง ถ้าพร้อมแล้วก็ตามมาเลย
ในฐานะเป็นคนใต้ “นายมด” เลยเป็นผู้เดียวที่ได้รับเกียรติให้ขับรถจากภูเก็ตไปเจอกับเพื่อนๆ กลุ่มใหญ่ซึ่งเดินทางด้วยเครื่องบินจากกรุงเทพฯ มาระนอง … สำหรับสายการบินที่ให้บริการบินตรงอยู่ก็มีของ Nok Air หรือบางทีสอยตั๋วราคาประหยัดของ Air Asia ไปลงสุราษฎร์ ฯ แล้วนั่งรถประจำทางหรือเช่ารถขับมาอีกแค่ 2 ชั่วโมงเศษๆ ก็ได้เช่นกัน … ออกจากภูเก็ตช่วงเย็นมาถึงระนองก็ดึกแล้ว เข้าเช็คอินน์ที่โรงแรม FarmHouse ใจกลางเมืองระนอง … แต่เหนื่อยมากเลยไม่มีแรงเก็บภาพห้องพักเลยจริงๆ ต้องขออภัยด้วย
สำหรับห้องพักของ Farmhouse นั้นกว้างขวาง เตียงใหญ่ ดีไซน์อาจไม่ได้โดดเด่นนัก จะว่าไปก็ประมาณห้องอพาร์ตเมนต์นั่นแหละครับ แต่มีบริการแบบโรงแรม และทำเลถือว่าสะดวกสบายเลยล่ะ … ส่วนที่ทำให้ผมประทับใจมากและต้องยกนิ้วให้เลยคืออาหารเช้า หลากหลายมว๊าก มีอาหารท้องถิ่นให้เลือกทานด้วย ส่วนขนมหวานก็มีเยอะจนชิมไม่ไหวกันเลยทีเดียว … เพื่อนบางคนถึงขนาดย้ายโรงแรมในคืนหลังเพื่อมาลองอาหารเช้ากันเลยทีเดียว
ดูข้อมูลเพิ่มเติมของ Farmhouse Ranong ได้ที่ https://www.facebook.com/farmhousehotelranong
ทานอาหารเช้าเสร็จ รถตู้ของ Love Andaman ก็มารอเราอยู่แล้ว … ต้องเล่าก่อนว่าหมู่เกาะมังกรยังไม่เคยเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวมาก่อน ทาง Love Andaman ได้เข้าไปสำรวจและขออนุญาตดำเนินธุรกิจท่องเที่ยวซึ่งเปิดให้บริการปีแรกในปี 2559 นี่เอง
จาก Farmhouse รถใช้เวลาเดินทางไม่นานก็มาถึงท่าเรือประภาคารของจังหวัดระนอง เรารับของว่างมื้อเช้า (อีกแล้ว) จาทาง Love Andaman พร้อมลงทะเบียนสำหรับข้ามแดนไปยังประเทศพม่า ซึ่งจุดนี้จะเป็นจุดข้ามแดนชั่วคราวจึงสามารถใช้เพียงบัตรประชาชนก็สามารถเดินทางแบบไปเช้าเย็นกลับได้แล้ว …
ท่าเรือประภาคาร … ที่มองเห็นไกลๆ เหมือนเกาะนั่นคือฝั่งพม่าครับ
เรือออกจากท่าได้ไม่นานก็จะไปเทียบเรือที่เกาะสอง (อันที่จริงไม่ได้เป็นเกาะหรอก แต่เป็นแแผ่นดินใหญ่ใต้สุดของประเทศเมียนมาร์ที่ชื่อว่า kau. Saung ซึ่งคนไทยเราเรียกเพี้ยนเป็น “เกาะสอง” นั่นเอง) … ที่เกาะสองเรือจะนำรายชื่อนักท่องเที่ยวแจ้งกับทางการพม่า โดยจะมีเจ้าหน้าที่ของพม่าเดินทางไปกับเราด้วย เพื่อป้องกันพวกเราติดใจเกาะพม่าจนไม่อยากกลับบ้านกัน 555
เห็นก็รู้เลยว่าถึงพม่าแล้ว … เพื่อนๆ หลายคนลงไปจับโปเกม่อนกันสนุกสนานแถวนี้แหละ
เอาล่ะ หลังจากนี้ก็นั่งเรือกันยาวๆ ชั่วโมงครึ่งก็มาถึงจุดหมาย หมู่เกาะมังกร หรืออันที่จริงชื่ออย่างเป็นทางการคือ Lord Loughbolough ซึ่งมันออกเสียงยากเกิ๊นสำหรับคนไทยอย่างเรา พูดไปลิ้นจะพันกันให้ได้ … ทาง Love Andaman ผู้บุกเบิกเส้นทางท่องเที่ยวนี้จึงเอามาตั้งชื่อภาษาไทยซะใหม่แบบเก๋ๆ ว่า “หมู่เกาะมังกร” จะได้จำกันง่ายๆ
เรือของเราแวะนำเสบียงสำหรับมื้อเที่ยงลงไปส่งที่หาดแห่งหนึ่งในหมู่เกาะมังกร เรียกว่ารังมังกร (Dragon nest) จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังจุดดำน้ำตื้นแห่งแรกที่อยู่ห่างไปไม่ถึง 5 นาที … ถึงเวลานี้แต่ละคนก็ตระเตรียมอุปกรณ์กันแบบตัวใครตัวมัน เหล่าช่างภาพที่มีกล้องสำหรับถ่ายภาพใต้น้ำโดยเฉพาะคนที่ free dive ได้ดูเหมือนจะตื่นเต้นกันเป็นพิเศษ เพราะความลึกแค่ 1-3 เมตรก็มีดอกไม้ทะเล, ปะการังสวยๆให้ชมเยอะแล้ว ส่วนปลาไม่ต้องพูดถึงน้องนีโม่สีแปลกๆ ตัวโตๆ มีให้ชมกันได้ที่นี่ … ผมมีแต่เจ้า Go pro แถม free dive ไม่เก่งได้แต่มองเพื่อนคนอื่นๆ ดำดิ่งลงไปถ่ายภาพใกล้ๆ ด้วยด้วยความอิจฉา เพราะภาพที่ได้จะสวยผิดกันลิบลับทีเดียว แต่นี่คือแรงบันดาลใจชั้นยอดเลยที่ทำให้อยากจะฝึก free dive เพราะโลกใต้ทะเลอันสมบูรณ์แบบนี้ไม่ต้องไปดูไกลถึง Maldives, Great barrier reef อีกต่อไป แต่มีอยู่ที่ทะเลอันดามันฝั่งพม่าใกล้บ้านเรานี่เอง
จุดดำน้ำของที่นี่มีหลายจุดนะครับ แต่ละแห่งก็สวยแตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ต้องดูเรื่องเวลาและสภาพน้ำขึ้นน้ำลงด้วยว่าเรือจะไปจอดให้ชมที่ไหนบ้าง ขอเอาภาพมารวมกันเลยก็แล้วกัน
สำหรับที่พักทานข้าวเที่ยง เป็นชายหาดอันร่มรื่นของ Dragon Nest น้ำอาจสวยไม่เท่ากับสิมิลันหรือตาชัย แต่ยังดิบๆ ไม่พลุกพล่านและร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ริมหาดเหมาะกับการพักผ่อนระหว่างวัน ซึ่งทาง Love Andaman ได้จัดเตรียมข้าวกล่องแบบหรูเลิศอลังการตามสไตล์ของเค้ามารอต้อนรับอยู่แล้ว … จุดรับข้าวก็ไม่ใช่เบสิคนะ แต่จัดอย่างดูดีมีสกุลเป็นที่สุด ยอมรับในความตั้งใจของเค้าเลย … เอาเป็นว่าที่เต้นท์อาหารมีบริการเครื่องดื่มหลากชนิดพร้อมขนมและของว่างอร่อยๆ ให้ทานกันจนอิ่มเชียวล่ะ
หาดที่ถูกตั้งชื่อว่า Dragon nest ซึ่งเป็นที่พักทานข้าวเที่ยง
ไลน์อาหารตามแบบฉบับ Love Andaman ยอมเค้าเลยในเรื่องความใส่ใจในรายละเอียด
นอกจากโลกใต้ทะเลแล้ว หมู่เกาะยังมีจุดชมวิวสวยๆ อยู่ที่เกาะเล็กๆ อีกแห่งตั้งชื่อให้เข้ากันว่า Sleeping Dragon เพราะรูปร่างเหมือนมังกรกำลังหมอบหลับนั่นเอง จุดชมวิวนี้ใช้เวลาเดินจากชายหาดขึ้นไปพอเหงื่อซึมไม่ถึงกับเหนื่อยมาก แต่พอถึงด้านบนต้องร้องว้าวกันเลยทีเดียว เพราะวิวมันเหมือนอยู่ต่างประเทศเลย .. เออ ก็อยู่ต่างประเทศจริงๆ นี่นา … อืม หมายถึงเหมือนกับกำลังยืนดูวิวที่ชายฝั่งประเทศออสเตรเลียยังไงยังงั้นเลย
เห็นมั้ยล่ะเหมือนมังกรกำลังนอนหมอบอยู่จริงๆ ด้วย
วิวด้านบนสวยเวอร์จริงๆ นี่ขนาดอากาศไม่ดีนะ … ภาพนี้มองมาฝั่งที่เป็นหาด ยังเหมือนทะเลบ้านเรา
แต่อีกฝั่งมองไปมีหน้าผาหินแบบนี้คล้ายชายฝั่งแถบแปซิฟิก
อันที่จริงหมู่เกาะแถบนี้มีชาวบ้านอาศัยอยู่เหมือนกัน โดยส่วนใหญ่เป็นชุมชนชาวมอร์แกน ซึ่งเราแวะไปถ่ายภาพด้วย … แต่บ้านเรือนของเค้าดูเหมือนจะทันสมัยกว่ามอร์แกนบ้านเราซะอีก
แต่วิถีแบบดั้งเดิมก็ยังมีให้เห็นเช่นกัน
เอาล่ะ ได้ดูปะการัง ชมวิวไปแล้ว .. คราวนี้ไปดูชายหาดสวยๆ กันบ้าง ที่นี่เป็นอีกจุดท่องเที่ยวหลักที่ทาง Love Andaman ได้คัดสรรให้ นั่นคือ เกาะเฮฟเว่น (Lord Heaven Island) ที่มีชายหาดขาวพอฟัดพอเหวี่ยงกับเกาะในทะเลอันดามันบ้านเรา ตัวหาดนั้นทอดยาวเหมาะสำหรับการเล่นน้ำ หรือจะเดินลัดไปอีกฝั่งจะเป็นหาดสั้นๆ มีหน้าผาหินเหมือนทะเลแถบบาหลีหรือออสเตรเลีย (อีกแล้ว)
ชายหาดฝั่งที่เป็นหาดยาว น้ำทะเลใสและทรายขาวละเอียด
อีกด้านเป็นหาดเล็กๆ แต่ให้ความรู้สึกสวยแปลกตา
ต้องย้ำอีกครั้งนะครับว่าภาพที่เห็นด้านบนนี่ถ่ายช่วงฤดูฝน อากาศถือว่าแย่เลยล่ะ ฟ้าขาว มีเปิดโล่งให้ถ่ายภาพได้หน่อยก็ตรงชายหาดของเกาะ Heaven เท่านั้น ใครมาในฤดูกาลท่องเที่ยวรับรองได้ว่าสวยใสกว่านี้เยอะ
ชมภาพนิ่งไปแล้วมาดู VDO ทริปนี้บ้างดีกว่า
เอ้า! เที่ยวทะเลกันอิ่มใจแล้ว เรากลับไปหาอะไรอร่อยๆ ให้อิ่มท้องทานที่ระนองกันดีกว่า อิอิ
ร้านแรกที่จะแนะนำนั้นอยู่ไม่ไกลจากท่าเรือประภาคารชื่อว่า “ครัวแมงโก้” … อยู่ริมถนนหาไม่ยาก ที่จอดรถสะดวกสบาย ในร้านก็ตกแต่งสวยงามสะอาดตา ติดแอร์เย็นสบาย … อาหารเด่นของที่นี่มีทั้งที่เป็น seafood อย่างปูม้านึ่ง, ปลาทรายทอดขมิ้น, ทอดมันกุ้ง หรือจะเป็นอาหารพื้นเมืองอาทิ หมูฮ้องก็มีเช่นกัน … ที่ถูกปากผมเป็นพิเศษคือทอดมันปลา กับห่อหมกรสชาติกลมกล่อมมากๆ อีกอย่างคือกุ้งราดซอสมะขามที่กุ้งตัวโตเต็มคำอร่อยจริงๆ … ทางร้านกระซิบบอกมาว่ามาทานที่นี่ไม่ต้องกลัวว่าของทะเลจะขาด เพราะทางร้านมีแหล่งอาหารทะเลของตัวเอง รับรองว่าได้ทาน seafood แน่ไม่ต้องทานแห้ว อิอิ
ข้อมูลของร้าน ครัวแมงโก้ ติดตามกันได้ที่ https://www.facebook.com/TheMangoKitchen/
ร้านถัดมาอยู่ริมทะเลเลยครับ ดังนั้นเรื่องบรรยากาศก็เป็นแบบสบายๆ กินลมชมวิว เหมาะมากกับการทานมื้อเย็น ร้านนี้คือ “เคียงเล” อาหารเด็ดก็หนีไม่พ้น seafood อีกแล้ว ที่ทำให้ผมยอมทานเยอะกว่าปกติก็คือ “ปูจั๊กจั่น” ที่ก่อนหน้านี้ผมไม่ค่อยชอบทานนัก เพราะเคยลองแบบที่วางขายแถวสะพานสารสินบ้านผมแล้วมันอร่อยสู้ปูม้าปูดำไม่ได้เลย เนื้อจะออกยุ่ยๆ หน่อย … แต่มาถึงบางอ้อเอาวันนี้เองว่านั่นมันเป็น “ปูจั๊กจั่น” เกรดบี ส่วนเกรดเอคือแบบสดๆ ที่เนื้อจะมาแบบเต็มๆ และหวานมาก จะทานแบบนึ่งหรือจะเป็นเนื้อปูในน้ำแกงก็อร่อยไม่แพ้กัน … นอกจากนี้ยังมีรายการอาหารอร่อยอีกหลายอย่าง อาทิ ส้มตำปูม้า, ไก่หอมทอด เป็นต้น
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมของ “เคียงเล” ได้ที่ https://www.facebook.com/Keinglay/
ร้านสุดท้ายขอแนะนำอาหารเช้าบ้างนะ .. มาระนองทั้งทีต้องไม่พลาด โรตีนิสรา ที่อยู่ไม่ไกลจากทางเข้าน้ำตกหงาว … อาจต้องขับรถเข้าไปในซอยหน่อยแต่ไม่ต้องกลัวว่าจะหาไม่เจอ เพราะถามใครแถวนั้นก็รู้จักกันทุกคน … โรตีของที่นี่ทานกับน้ำแกงรสชาติเข้มข้น หรือจะสั่งไก่ทอดร้อนๆ สูตรพิเศษมาทานด้วยก็เด็ดไม่แพ้กัน เอาเป็นว่าถ้ามาระนอง อย่างน้อยต้องมาฝากท้องมื้อเช้าไว้ที่นี่สักครั้งนะ
มาระนองทั้งที่จะมีแต่ที่กินได้อย่างไร ขอพาไปเที่ยวสักสองแห่งใกล้ๆ กับโรตีนิสราก็แล้วกัน (ออกแนวขี้เกียจไม่ไปไหนไกล 555) … ที่แรกเลยคือ “ภูเขาหญ้า” … ที่นี่หาไม่ยากครับ อยู่ริมทางถนนสายหลักที่วิ่งสู่เมืองระนองเลย สามารถมองเห็นได้ชัดเจน เสียดายที่ไปถึงภูเขาหญ้าได้ไม่ทันไรฝนก็เทลงมาเลยถ่ายภาพมาฝากได้นิ้ดเดียว แต่บอกเลยว่าในวันแสงสวยๆ ที่นี่งดงามจริงๆ
ถัดมาอยู่ไม่ไกลครับ แทบจะตรงข้ามกันเลย ที่นี่คือน้ำตกหงาว … ซึ่งอันที่จริงสามารถมองเห็นตัวน้ำตกไหลลงมาผ่านหน้าผาสูงชันจากถนนใหญ่เลยด้วยซ้ำ แต่เราเข้าไปชมด้านในกันดีกว่าจะได้เห็นอีกมุมมองของน้ำตก … จากที่จอดรถเดินทอดน่องชมบรรยากาศเขียวๆ ของผืนป่าระนองไปราว 10 นาทีก็ถึงจุดชมน้ำตกแล้ว … ต้องยอมรับว่าเป็นน้ำตกที่สูงมากจริงๆ และน้ำตกขนาดเล็กชั้นรองๆ ลงมาก็สวยมีเสน่ห์ไม่แพ้กัน
ทริประนองครั้งนี้จบไปพร้อมๆ กับประสบการณ์ดีๆ อีกครั้งที่ได้มีโอกาสสัมผัสความงามของโลกใต้ทะเลอันสุดแสนจะสมบูรณ์ที่ “หมู่เกาะมังกร” กับความสดชื่นของ “ระนอง” ที่ผมรู้สึกว่าน่าอยู่ไม่แพ้หลายจังหวัดทางภาคเหนือเลยทีเดียว
สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณ Love Andaman ผู้ดูแลโปรแกรมท่องเที่ยว, One22.com ที่ชักชวน, ที่พักจาก FarmHouse Ranong และอาหารอร่อยที่ ครัวแมงโก้ กับ เคียงเล ไว้ ณ ที่นี่ด้วยครับ
3500 บาทครับ (เริ่มที่ระนอง) ยังไงลองดูข้อมูลเพิ่มเติมใน facebook ของ Love Andaman ได้เลยครับ
ราคา?