Select Page

รีวิวแนะนำ “ซมโปะ ประกันภัย” กับ 10 ข้อต้องรู้ก่อนซื้อประกันภัยการเดินทาง

Advertorial

 

ใกล้สงกรานต์ทีไรเป็นอันต้องมีทริปใหญ่ทุกปี  เพราะวันหยุดของเดือนเมษากับพฤษภามันเยอะเหลือเกิน ประหยัดวันลาไปได้เยอะ อิอิ … ปีนี้ผมมีแผนเดินทางไปยุโรปอีกครั้งเลยต้องทำประกันเดินทางเพื่อใช้ในการขอวีซ่า แต่จะทำทั้งทีก็ต้องเลือกที่วางใจได้และคุ้มค่าหน่อย

 

สำหรับประกันภัยการเดินทางสำหรับทริปนี้ผมเลือกทำกับของ “ซมโปะ” บริษัทประกันสัญชาติญี่ปุ่นที่หลายคนบอกตรงกันว่าถ้าจะไปเที่ยวญี่ปุ่น “ซมโปะ” คือตัวเลือกอันดับต้นๆ ของประกันภัยการเดินทาง เพราะมีบริการเสริมพิเศษให้คำแนะนำทางการแพทย์และนัดหมายกับโรงพยาบาลในเครือที่ญี่ปุ่นเมื่อเกิดการเจ็บป่วยระหว่างเดินทาง  ที่สำคัญไม่ต้องสำรองเงินก่อน … หลายคนก็คงทราบดีกว่าหากเจ็บป่วยในญี่ปุ่น การสื่อสารเป็นอุปสรรคอย่างมากแถมค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลก็สูงด้วย การมีผู้ช่วยอย่าง “ซมโปะ” ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวอุ่นใจขึ้นมาก

 

แม้ว่าทริปของผมรอบนี้จะไม่ใช่ญี่ปุ่น แต่ผมก็ยังเชื่อมั่นว่าการบริการและความรับผิดชอบจะเป็นไปตามมาตรฐานของบริษัทจากแดนซามุไร และหากเกิดเหตุก็ยังติดต่อศูนย์บริการฉุกเฉินได้ตลอด 24 ชม.เช่นเดียวกัน

สำหรับแผนประกันภัยการเดินทางนั้นก็มีให้เลือกหลากหลายตั้งแต่เบสิคสุดที่ครอบคลุมเหตุไม่คาดฝันหลักๆ อย่างค่ารักษาพยาบาล,การล่าช้าและพลาดเที่ยวบิน ในราคาไม่ถึงพันบาทสำหรับการเดินทาง 10+ วัน ซึ่งเพียงพอที่จะใช้ยื่นขอวีซ่าเชงเก้นได้  หรือจะซื้อแบบที่ผมใช้ประจำก็ได้ซึ่งจ่ายเพิ่มขึ้นอีกหน่อยแต่ครอบคลุมกรณีอื่นๆอาทิความเสียหายของโน้ตบุ๊คและความเสียหายส่วนแรกสำหรับรถเช่า  เนื่องจากผมจะนำโน้ตบุ๊คติดตัวไปทำงานด้วยเสมอและมักท่องเที่ยวด้วยการขับรถเอง  ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายสำหรับแผนประกันภัยแบบนี้ราคาไม่ถึงสองพันบาทสำหรับการเดินทางเกือบสองสัปดาห์นับว่าคุ้มค่ามากๆ ครับ

 

รายละเอียดความคุ้มครองของแต่ละแผนประกันของ “ซมโปะ” และราคาสามารถเช็คและซื้อง่ายๆ ออนไลน์ได้ 24 ช.ม. ที่  https://traveljoy.sompo.co.th/)  …. อ้อ สำหรับคนที่เดินทางบ่อยอาจพิจารณาซื้อแบบรายปีได้เช่นกันจะได้ไม่ต้องมานั่งซื้อเป็นครั้งๆให้เสียเวลา แถมตอนขอวีซ่าเชงเก้นอาจเป็นเงื่อนไขนึงที่ทางสถานทูตอาจพิจารณาให้วีซ่าแบบรายปีด้วย (ความคิดเห็นส่วนตัว)

 

เอาล่ะแนะนำ “ซมโปะ” ให้รู้จักแล้ว  ทีนี้มาดู 10 ข้อที่ต้องทำความเข้าใจก่อนซื้อประกันภัยเดินทางกันดีกว่า เพราะเชื่อว่าหลายคนยังไม่ทราบ หรือไม่ก็ยังมีความเข้าใจแบบผิดๆ ซึ่งอาจทำให้ไม่สามารถเคลมประกันได้อย่างที่หวังไว้ … ทั้งนี้ประกันของบริษัทต่างๆ ก็ใช้หลักเกณฑ์ใกล้เคียงกัน มีเพียงรายละเอียดบางอย่างที่อาจแตกต่างกันไปบ้างครับ

 

10 ข้อต้องรู้ก่อนซื้อประกันภัยการเดินทาง

 

1. การซื้อประกันภัยเดินทางจะต้องซื้อก่อนเดินทางอย่างน้อย 2 ชั่วโมง และที่สำคัญประกันจะคุ้มครองเหตุไม่คาดฝันตามที่ระบุในกรมธรรม์ ดังนั้นถ้าทราบเหตุแล้วไปซื้อประกันจะไม่คุ้มครองนะครับ  เช่น เกิดเหตุคนสนิทในครอบครัวป่วยหนักทำให้ไม่สามารถเดินทางได้ แล้วไปซื้อประกันทีหลังเพื่อหวังเงินชดเชยจากการต้องยกเลิกการเดินทาง แบบนี้ถ้าทางบริษัทประกันพิสูจน์ได้ว่าเราทราบเหตุก่อนก็ไม่สามารถที่จะเรียกร้องค่าชดเชยได้ ซึ่งกรณีนี้ก็ถือว่าแฟร์เนอะ

2. ประกันเดินทางจะไม่คุ้มครองสภาพที่เป็นมาก่อนแล้ว อาทิ โรคที่เป็นอยู่ก่อนแล้วเกิดไปกำเริบระหว่างเดินทาง กรณีนี้ก็ไม่สามารถเคลมได้เช่นกัน แต่ยังทำประกันได้อยู่นะครับเพียงแต่โรคที่เป็นอยู่ก่อนแล้วจะเป็นข้อยกเว้นเท่านั้น

3. อุบัติเหตุที่เกิดระหว่างเดินทางหากเกิดจากการเมาสุรา, ยาเสพติดก็ถือเป็นข้อยกเว้นเช่นกัน ดังนั้นห้ามประมาทดื่มของมึนเมาแล้วไปขับรถขับรานะครับ เพราะนอกจากประกันจะไม่คุ้มครองแล้ว โทษที่ต่างประเทศนั้นหนักมากเลยสำหรับการขับยานพาหานะขณะมึนเมา

 

 

4. การยกเลิกหรือเลื่อนการเดินทางที่ประกันคุ้มครองนั้นต้องเกิดจากการเสียชีวิต, บาดเจ็บสาหัสหรือเจ็บป่วยขั้นรุนแรงของผู้เดินทางหรือญาติสนิท (พ่อแม่พี่น้อง สามี/ภรรยา) ใช่ว่าติดธุระอื่นๆ แล้วยกเลิก การเดินทางจะเคลมประกันได้นะครับ อันนี้ต้องทำวามเข้าใจดีๆเพราะหลายคนมักเข้าใจผิด  อีกกรณีคือสายการบินยกเลิก flight หรือเลื่อน flight อันนี้ก็ไม่อยู่ในเงื่อนไขการคุ้มครองเช่นเดียวกัน แต่เราก็สามารถไปเรียกร้องการชดเชยได้จากสายการบินแทนครับ

5. อีกข้อที่หลายคนอ่านแล้วมักตีความผิดคือการพลาดต่อเที่ยวบิน ที่ประกันคุ้มครองคือกรณีมีการต่อเครื่องแล้วเกิดเหตุที่ทำให้ไม่สามารถเดินทางต่อได้ทันเพราะเที่ยวบินก่อนหน้าล่าช้า หรือเที่ยวบินหลังไม่สามารถเดินทางต่อได้เนื่องจากสภาพอากาศเป็นต้น  ทั้งนี้ไม่รวมกรณีที่เราเดินทางมาไม่ทันเที่ยวบินแรกหรือไม่ได้เช็คอินนะครับ

6. การชดเชยกรณีเกิดความล่าช้าของเที่ยวบินและกระเป๋าเดินทาง มักจะมีกำหนดครับว่าจะชดเชยให้ทุกๆ การล่าช้าต่อเนื่องกี่ชั่วโมง และเป็นเงินเท่าไหร่ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ดังนั้นถ้า delayแค่ 1-2 ชั่วโมงส่วนใหญ่ประกันทุกบริษัทจะไม่คุ้มครองครับ

 

 

7. การคุ้มครองการสูญหายหรือเสียหายของทรัพย์สินจะคุ้มครองในกรณีที่ทรัพย์สินเหล่านั้นอยู่ในการดูแลของสายการบินหรือโรงแรม หรือเก็บไว้ในห้องพักแต่มีรอยงัดแงะเข้าไปลักขโมย โดยทางสายการบินหรือโรงแรมต้องทำหนังสือรับรองมา แต่ถ้าเป็นการลืมทิ้งไว้ในที่สาธารณะหรือยานพาหนะประกันจะไม่คุ้มครอง  ส่วนการโดนล้วงกระเป๋านั้นเป็นกรณีที่ผมคิดว่า 50/50 ครับ  ประกันอาจพิจารณาให้หรือไม่ให้ก็ได้ อาจเป็นเพราะพิสูจน์ยากนั่นเองว่าเราโดนล้วงกระเป๋าจริงหรือเปล่า แต่ถ้ามีการจี้หรือปล้นโดยใช้ความรุนแรงอันนี้ผมว่าคุ้มครองแน่นอน  อย่างไรก็ตามเมื่อเกิดเหตุให้รีบแจ้งความทันทีเพื่อเป็นหลักฐานแล้วนำมาทำเรื่องเคลมครับ  ทั้งนี้หากบัตรเครดิตสูญหายอย่าลืมแจ้งอายัดบัตรด้วยนะครับ

 

 

8. การคุ้มครองเอกสารเดินทางจะมีหลักเกณฑ์คล้ายกับทรัพย์สินในข้อก่อนหน้าครับ ถ้าเราวางลืมไว้หรือทำตกหล่นแบบนี้ประกันจะไม่คุ้มครองครับ ต้องเกิดจากกรณีที่สูญหายภายใต้การดูแลของสายการบินหรือโรงแรมเท่านั้น  แล้วทางประกันจะคุ้มครองค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ใช้ในการทำหนังสือเดินทางใหม่รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการต้องเลื่อนวันเดินทางเพราะไม่สามารถออกเอกสารได้ทันตามกำหนดกลับเดิม

9. กรณีที่ซื้อแผนที่คุ้มครองค่าเสียหายส่วนแรกของรถเช่า จะชดเชยให้กับผู้ที่ทำสัญญากับบริษัทรถเช่าเท่านั้น ผู้ที่เป็นผู้โดยสารไม่สามารถใช้สิทธิ์ส่วนนี้ได้

10. ก่อนเดินทางควรเตรียมหมายเลขติดต่อฉุกเฉิน รวมถึงช่องทางการสื่อสารอื่นๆ กับประกันให้พร้อม รวมถึงรายละเอียดของเอกสารต่างๆ ที่ต้องใช้เมื่อเกิดเหตุ เพื่อให้สามารถรับมือสถานการณ์ได้อย่างราบรื่น อย่างกรณีของ ​SOMPO ผมก็แอดไลน์ @sompothailand ไว้ในมือถือครับ เผื่อมีเหตุฉุกเฉินจะได้ติดต่อสะดวก

 

จะเห็นได้ว่าการเคลมประกันนั้นมีเงื่อนไขอยู่พอสมควร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อความเป็นธรรมระหว่างสองฝ่ายนั่นเอง หากทำความเข้าใจให้ดีและเตรียมตัวให้พร้อมก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ยังไงการลงทุนนิดหน่อยก็ยังคุ้มค่าอยู่ดีเมื่อเทียบกับความคุ้มครองมากมายที่ได้จากการทำประกันภัยการเดินทาง รู้แบบนี้แล้วอย่าลืมทำประกันภัยทุกครั้งก่อนเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศนะครับ 🙂