หลังจากพลาดช่วงพีคของซากุระในโตเกียวเมื่อ 3 ปีก่อนเพราะเดินทางไปถึงตอนช่วงยังไม่ full bloom ปีนี้เลยขอกลับไปแก้มืออีกครั้ง โดยวางแผนเป็นทริปสั้นๆ แบ่งเป็น 2 วันในโตเกียวและอีก 2 วันที่จังหวัดไซตามะซึ่งอยู่ติดกับโตเกียวและมีช่วงเวลาการบานของดอกซากุระใกล้เคียงกัน … ครั้งนี้เลือกจุดชมดอกไม้หลากหลายทั้งแบบในสวน, ในเมือง, ริมคลอง, ริมลำธาร รวมไปถึงในสุสานด้วย มีที่ไหนบ้างดูแผนการเดินทางได้เลย
การเดินทาง
การเดินทางสำหรับทริปนี้ใช้บริการไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ สายการบินราคาประหยัดที่มีเที่ยวบินตรงไปญี่ปุ่นให้เลือกหลายเมืองทั้งโตเกียว, โอซาก้า, นาโกย่า, ซับโปโร และสำหรับเมืองใหญ่อย่างโตเกียวกับโอซาก้ายังมีเวลาให้เลือกด้วยว่าจะบินช่วงกลางวันถึงค่ำ หรือจะบินดึกถึงเช้า ซึ่งก็มีข้อดีคนละแบบเลือกกันตามใจชอบเลย สำหรับทริปนี้ผมบินช่วงกลางวันไปถึงญี่ปุ่นค่ำซึ่งไม่เหนื่อยกับการเดินทางมากนัก แต่ก็จะต้องเสียเวลาเที่ยวหนึ่งวันและเปลืองค่าที่พักเพิ่มอีกคืนนึง
สำหรับคนที่ถือบัตรเครดิตร่วมแอร์เอเชีย ธนาคารกรุงเทพอย่าลืมแสดงบัตรเพื่อรับสิทธิ์ check in และขึ้นเครื่องก่อนนะครับ
แผนการเดินทางในญี่ปุ่น
ทริปนี้ มีเวลาเที่ยวจริงๆ แค่ 4 วัน (ไม่รวมเดินทาง) และตั้งใจมาดูซากุระโดยเฉพาะซึ่งเล็งไว้ที่โตเกียวกับจังหวัดที่ติดกับโตเกียวอย่างไซตามะ … การใช้ JR pass เหมือนที่คนไทยส่วนใหญ่คุ้นเคยดูเหมือนจะไม่คุ้มค่าและไม่สะดวกเท่าไหร่ เพราะสำหรับโตเกียว JR pass ไม่สามารถใช้ Tokyo Metro ได้ ใช้ได้แค่ Yamanote line ซึ่งบางครั้งสถานีไกลกับจุดชมซากุระ และสำหรับจังหวัด Saitama จุดชมซากุระที่เล็งไว้หลายแห่งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟ แผนเดินทางทริปนี้จึงเป็นการผสมผสานระหว่างการใช้รถสาธารณะและขับรถเที่ยว
ช่วงแรกในโตเกียว 2 วัน ผมใช้ Tokyo Metro Unlimited Pass ซึ่งดีงามสุดๆ สามารถใช้ network ของรถใต้ดินเดินทางไปยังจุดชมซากุระในเมืองได้อย่างสะดวก ไม่ต้องซื้อเป็นเที่ยวๆ แถมบางทีมีเปลี่ยนสถานีกระทันหันก็ต้องไม่เสียดายเพราะใช้ขึ้นรถไฟใต้ดินไม่จำกัด … ทั้งนี้พาสจะมีด้วยกัน 3 แบบคือ 24, 48 และ 72 ช.ม. สามารถสั่งซื้อง่ายๆ จาก KKDAY ได้จากลิ้งค์ด้านล่าง จะได้เป็น voucher มานำไปแลกที่สำนักงานบริษัท HIS ที่สนามบิน
ลิ้งค์สำหรับซื้อ Tokyo Metro Unlimited Pass
http://bit.ly/2K6PYgL
แต่เนื่องจากผมต้องนั่งรถไฟจากนาริตะเข้ามายังโตเกียวด้วยในวันไปและกลับ ผมจึงเลือกซื้อเพ็จเกจตั๋วรถไฟ Skyliner ของค่าย Keisei + Tokyo Metro Unlimited Pass คู่กันซึ่งทำให้ได้ราคาที่ประหยัดลงไปอีก โดยซื้อจาก KKDAY ตามลิ้งค์ด้านล่าง และนำ voucher ที่ได้ไปแลกเป็นตั๋ว Skyliner กับ Tokyo Metro Pass ได้ที่สำนักงานของ Keisei ที่สนามบินได้เลย
ลิ้งค์สำหรับซื้อ Skyliner + Tokyo Metro Unlimited Pass (มี option ให้เลือกหลายแบบทั้งขาเดียว ไป-กลับ และรวมกับ Metropass 24, 48 และ 72 hrs)
http://bit.ly/2I4fosX
หลังจาก 2 วันในโตเกียวแล้วผมเปลี่ยนจุดหมายไปจังหวัดไซตามะซึ่งอยู่ติดกับโตเกียวและช่วงเวลาที่ซากุระบานใกล้เคียงกัน ที่นี่ผมเลือกขับรถเช่าเพื่อให้เข้าถึงจุดชมซากุระ unseen ได้สะดวกขึ้น โดยใช้รถของ Toyota Rent a Car ผ่านบริษัท mindtrips.com ซึ่งมีเจ้าหน้าที่คนไทยอำนวยความสะดวกเรื่องจองรถและให้คำปรึกษาเรื่องการเลือกประกันและสถานที่รับส่งรถ และมีคู่มืออธิบายเป็นภาษาไทยเข้าใจง่าย (รายละเอียดปลีกย่อยของการเช่ารถขับในญี่ปุ่นค่อนข้างจะเยอะกว่าประเทศอื่นๆ )
สรุปแผนการเดินทางอย่างย่อ 31 มี.ค. 62 – 5 เม.ย. 62
- 31 มี.ค. ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ถึงสนามบินนาริตะช่วงค่ำ พักที่โรงแรมใกล้สนามบินซึ่งมีบริการรถรับส่งสนามบินฟรี
- 1 เม.ย. เดินทางจากสนามบินเข้าสู่โตเกียวด้วยรถไฟ Skyliner และเริ่มใช้ Tokyo Metro Pass เที่ยวจุดชมซากุระต่างๆ ในโตเกียว
- 2 เม.ย. เที่ยวจุดชมซากุระชานเมืองโตเกียวโดยใช้ Tokyo Metro Pass ร่วมกับการซื้อตั๋วรถไฟและโมโนเรล
- 3 เม.ย. เดินทางจาก Ueno ไปยังเมือง Omiya ในจังหวัด Saitama ด้วยรถไฟ แล้วรับรถเช่าจาก Toyota Rent a Car ขับไปจุดชมซากุระ Unseen
- 4 เม.ย. ขับรถชมซากุระในจังหวัด Saitama
- 5 เม.ย. คืนรถที่ Omiya แล้วนั่งรถไฟกลับเข้าโตเกียวแล้วต่อ Skyliner จาก Ueno ไปยังสนามบินนาริตะและเดินทางกลับ
เอาล่ะ ได้เวลาออกไปตามล่าซากุระกันแล้ว
ผมออกเดินทางจากโรงแรมใกล้สนามบินแต่เช้า จัดแจงแลกตั๋ว Skyliner และรับ Tokyo Metro Pass ที่สนามบินจากนั้นก็นั่งรถไฟเข้าสู่โตเกียวซึ่งใช้เวลาราว 1 ช.ม. จากนั้นก็เอากระเป๋าไปฝากไว้ที่พักก่อนแล้วเริ่มออกล่าซากุระทันท
1Naga Meguro
จุดหมายแรกวันนี้คือ Naga Meguro ซึ่งเป็นจุดชมวิวซากุระริมคลองชื่อดังในโตเกียว … การไปที่นี่ใช้ Metro นั่งไปลงสถานี Naga Meguro จากนั้นก็เดินตามฝูงชนไปได้เลยเพราะในช่วงซากุระบานที่นี่จะเป็นจุดหนึ่งที่คนหลั่งไหลมาชมความงามของดอกไม้กันมากที่สุด พอออกมาจากสถานีรถไฟปุ๊ปเจอกับเจ้าหน้าที่ถือป้ายบอกทางไปชมซากุระด้วย น่ารักจริงๆ
ถึงแม้ที่นี่จะเป็นแม่น้ำแต่พออยู่ในเมืองบรรยากาศมันก็จะดูเหมือนคลอง อย่างไรก็ตามน้ำใสปิ้งสไตล์ญี่ปุ่นดูแล้วน่าลงไปเล่นน้ำ ที่สำคัญซากุระสองฝั่งคลองกำลังบานสะพรั่งเข้าสู่ช่วง full bloom สวยงามมากๆ มีคนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวมาชมความงามซากุระในวันนี้กันอย่างคับคั่งแม้จะเป็นวันธรรมดา โดยสามารถเดินชมซากุระได้ทั้งสองฝั่งคลองและมีสะพานเชื่อมระหว่างสองด้านให้ถ่ายภาพจากสะพานได้ด้วย
2 Roppongi Hills
ที่นี่เป็นสวนเล็กๆ กลางเมืองที่มีซากุระทั้งสีขาวสีชมพูกำลังบานสวยงามพอดี สวนแห่งนี้ถูกล้อมด้วยตึกสูงทำให้ได้ภาพที่สวยแปลกตาไปอีกแบบ … การเดินทางให้นั่งรถไฟไต้ดินลงสถานี Roppongi แล้วเดินอีกไม่ไกลก็ถึง
3 Ark Hills
อยู่บริเวณเดียวกันกับ Roppongi Hills แต่ต้องลงที่สถานี Roppongi-Itchome แล้วเดินไปอีกเล็กน้อยก็จะเจอกับอุโมงค์ซากุระท่ามกลางเมืองใหญ่สวยไม่ซ้ำกับจุดอื่นๆ … จุดถ่ายภาพที่สวยงามแนะนำให้ขึ้นไปบนสะพานลอยแล้วถ่ายลอดซุ้มซากุระมองเห็นถนนสีดำเข้มสวยงามมากๆ
จากจุดนี้ลองเดินไปตามถนนจะมีมุมถ่ายภาพสวยๆ อีกหลายจุดเลย
4. Yoyogi Park
เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่ซากุระกำลังบานสะพรั่งเช่นกัน ผมไปช่วงเย็นมีชาวญี่ปุ่นไปปูเสื่อนั่งทานอาหารและสังสรรค์กันใต้ต้นซากุระเหมือนกับสวนชื่อดังอื่นๆ แต่ความคับคั่งจะน้อยกว่า ดังนั้นถ้าอยากหนีผู้คนแนะนำให้นั่งรถใต้ดินไปลงสถานี Yoyogi-Koen แล้วเดินอีกเล็กน้อยไปยังสวนครับ
วันแรกเก็บได้ 4 แห่งก็ปลื้มแล้ว กลับที่พักอย่างสบายใจ โดย 2 คืนในโตเกียวผมพักที่ Oakhostel Zen ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ Ueno (สามารถเดินได้สบายๆ) แต่เนื่องจากมี Tokyo Metro Pass อยู่แล้วจึงใช้วิธีนั่งรถใต้ดินไปลงสถานีรถไฟใกล้ๆ โรงแรมแทน
สำหรับโรงแรม Oakhostel Zen ถือว่าโอเคนะ ราคาไม่แพง ห้องไม่คับแคบนัก เป็น Hostel ที่มีครัวส่วนกลางให้ใช้บริการ ห้องพักมีทั้งแบบห้องน้ำรวม แต่ผมเลือกแบบมีห้องน้ำในตัวซึ่งสะดวกกว่า … ข้อเสียคือไม่มีลิฟท์ ต้องยกกระเป๋าขึ้นชั้น 3 ซึ่งอาจไม่สะดวกสำหรับคนที่เดินไม่สะดวกหรือกระเป๋าเดินทางหนักมาก
ลิงค์จองโรงแรม Oakhostel http://bit.ly/2WX9wWD
วันที่ 2 แผนการเดินทางวันนี้ยังอยู่ในโตเกียว แต่หนีผู้คนออกไปชมซากุระชานเมืองที่ Tachikawa โดยนั่งรถ Metro ไปลงสถานีต้นทาง (Okikubo) แล้วต่อรถไฟ JR line Chuo line ไปอีกหน่อยเพื่อลงที่สถานี Tachikawa จากนั้นเดินไปขึ้น TamaMonorail ไปลงสถานี Shibasakitaikukan (1 สถานี) ลงจากสถานี Monorail เดินไปอีก 10 นาทีก็จะถึงจุดชมซากุระ Unseen อีกแห่งของโตเกียว
5. จุดชมซากุระที่ลำธารสาขาของแม่น้ำ Tama
เป็นสายน้ำเล็กๆ ชานเมืองโตเกียวในเขต Tachikawa ผมดูจากแผนที่แล้วเป็นลำธารที่ไหลไปลงแม่น้ำ Tama ซึ่งอยู่ห่างออกไปอีกหน่อย เนื่องจากการเดินทางไม่ได้สะดวกเหมือนจุดชมซากุระในเมือง คนไปเที่ยวที่นี่ส่วนใหญ่จึงเป็นชาวญี่ปุ่นที่ไปนั่งพักผ่อนริมลำธารกับครอบครัวซะมากกว่านักท่องเที่ยวต่างชาติ บรรยากาศจึงดูไม่ค่อยพลุกพล่านนักโดยเฉพาะช่วงเช้า … สองข้างของลำธารเป็นแนวต้นซากุระ ด้านหนึ่งมี slope หญ้าให้ลงไปนั่งปิกนิคริมลำธารได้ … ไปที่นี่แล้วจะรู้สึกอบอุ่นเพราะเราจะได้เห็นวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่นที่พาครอบครัวมาพักผ่อน ครูพาเด็กน้อยมาเดินทัศนศึกษา หรือบางทีก็มีศิลปินมาจับกลุ่มนั่งวาดภาพระบายสี
6. ShowaKinen
เป็นสวนขนาดใหญ่ชานเมืองโตเกียวใกล้สถานี Tachikawa นั่งรถไฟต่อไปอีกสถานีก็ถึงหน้าสวนแล้ว (สถานี Nishi-Tachikawa) เป็นสวนที่ต้องเสียค่าเข้าชม 450 Yen แต่บอกได้เลยว่าคุ้มค่าเป็นที่สุดเพราะนอกจากดอกซากุระหลากสายพันธุ์แล้ว ยังมีไม้ดอกอื่นๆ ที่นำมาจัดไว้อย่างสวยงาม เสียดายที่ยังบานไม่เต็มที่ไม่เช่นนั้นคงจะสวยกว่านี้หลายเท่า เชื่อว่าช่วงกลางไปจนถึงปลายเดือนเมษายน ดอกทิวลิปคงบานสะพรั่งแน่ๆ แต่ตอนนั้นก็คงไม่มีซากุระให้ชมแล้ว
7. Chidorgafuchi
อีกสวนชื่อดังใจกลางเมืองโตเกียวใกล้พระราชวังอิมพีเรียลที่ผมไปถึงตอนค่ำ จึงได้ชม Light up เป็นของแถม … บรรยากาศที่นี่ค่อนข้างหนาแน่นไปด้วยผู้คนที่มาชมบรรยากาศซากุระริมคูน้ำขนาดใหญ่ มี background เป็นตึกสูงกลางกรุงโตเกียว … สำหรับมุมมหาชนนั้นทางการญี่ปุ่นได้จัดให้มีการเข้าแถวถ่ายภาพเพื่อความเป็นระเบียบ ต้องต่อคิวนานทีเดียว แต่บอกได้เลยว่าคุ้มค่าการรอคอย สำหรับการเดินทางผมนั่งรถใต้ดินมาลงที่สถานี Kudanshita เดินออกมาก็เป็นแนวต้นซากุระเลย จากจุดนี้สามารถเดินชมซากุระตามแนวฝั่งคลองไปได้เรื่อยๆ ครับ
ตลอด 2 วันในโตเกียวถือว่ามาได้ค่อนข้างถูกเวลา เพราะโดยรวมเข้าสู่ Full Bloom แล้วได้เจอซากุระแบบสวยสมใจ … เช้าวันรุ่งขึ้นผมย้ายเมืองหนีคนไปยังจังหวัดไซตามะ (Saitama) ซึ่งอยู่ห่างจากโตเกียวไปไม่ไกล โดยนั่งรถไฟ JR จากสถานี Ueno ไปลงสถานี Omiya จังหวัด Saitama ซึ่งใช้เวลาไม่ถึง 30 นาที (ค่าตั๋ว 470 Yen) แต่ถ้าใครมี JR East Pass สามารถไปได้ด้วย Shinkansen โดยใช้เวลา 19 นาทีเท่านั้นจาก Ueno
ผมรับรถเช่าที่ Toyota สาขาสถานี Omiya แล้วเริ่มออกเดินทางไปยังจุดหมายแรกของไซตามะ
8 Motoara River Cherry Blossom Avenue
อยู่ที่เมือง Konosu ในจังหวัด Saitama เป็นแนวซากุระสองฝั่งแม่น้ำ Motoara ที่เงียบสงบมาก ดอกไม้ส่วนใหญ่บานได้ราว 80-90% แต่ก็มีบางต้นที่ Full bloom แล้ว … ผมเดินทางไปถึงราว 11 โมงและใช้เวลาที่นี่ชั่วโมงกว่าๆ เจอคนเดินชมไม่น่าจะถึง 30 คน ดังนั้นถ่ายภาพสบายไม่ต้องกลัวใครมาแย่งมุม (แต่เดาว่าถ้าเป็นวันเสาร์-อาทิตย์คนน่าจะเยอะกว่านี้นะ)
สำหรับคนที่จะขับรถ พิกัดของจุดนี้คือ 36.106446, 139.457616
9. Sakitama ancient tomb park
อยู่ที่เมือง Gyoda เป็นสวนที่อยู่ติดกับสุสาน มีลักษณะเด่นคือเนินหญ้าสูงที่มีต้นซากุระโดดเด่นอยู่ด้านบน ส่วนด้านล่างก็มีต้นซากุระปลูกอยู่เป็นแนวหลายต้นเช่นกัน เสียดายที่วันนี้ต้นด้านบนยังบานไม่เต็มที่ก็เลยไม่ฟูเท่าไหร่ ไม่เช่นนั้นต้องสวยมากแน่ๆ เพราะสีขาวของดอกซากุระตัดและเนินหญ้าตับกับสีของท้องฟ้าสวยมากๆ
พิกัด 36.127254, 139.476987
10 Isanuma Park
เป็นสวนสาธารณะเล็กๆ ไม่ห่างจากเมือง Kawagoe ใกล้ๆ กันเป็นบึงขนาดย่อม ระหว่างสวนกับบึงมีถนนคั่นกลางโดยมีต้นซากุระขนาบสองข้างเกิดเป็นอุโมงค์ซากุระน่าจะถูกใจสายถ่ายภาพ … ผมไปถึงช่วงเย็นแสงก็ลังเป็นสีทองสวยงามมากๆ … บึงที่ว่านี้สามารถขับรถเพื่อหามุมถ่ายภาพรอบๆ ได้ครับ แต่จุดที่จอดรถสะดวกจะมีอยู่ 2 แห่งคือที่ park กับลานจอดรถเล็กๆ อีกแห่งทางด้านทิศเหนือของบึง
พิกัด 35.923309, 139.514042
11 Shingashi River
เป็นจุดชมซากุระที่สวยมากๆ หลังศาลเจ้า Kawagoe Hikawa Shrine ใกล้ตัวเมือง Kawagoe … เสียดายที่ผมไปถึงตอนแสงหมดเกือบหมดแล้วก็เลยถ่ายภาพมาได้นิดเดียว แต่ก็ได้เห็นการจุดโคมไฟเป็นของแถม … ที่นี่ซากุระถือว่ากำลัง Full bloom สวยเต็มที่
พิกัด 35.928265, 139.488616
ไหนๆ ก็อยู่ใกล้เมือง Kawagoe อย่าพลาดหาอะไรทานในเมืองก่อน Kawagoe นะครับ
เช้าวันถัดมาเป็นอีกวันที่ตระเวนขับรถเที่ยวตามจุดชมซากุระชื่อดังของจังหวัด Saitama
12 Gongendo Park
สำหรับที่นี่พลาดอย่างจังเพราะปักหมุดคลาดเคลื่อนไปหน่อย Google นำไปยังอีกฝั่งนึงซึ่งติดแม่น้ำ ซากุระส่วนใหญ่ยังบานไม่เต็มที่นักแต่ก็สวยพอประมาณ แต่ที่สำคัญไม่เจอดอก nanohana สีเหลืองแบบที่เคยเห็นในภาพ (ก็แหงล่ะไปผิดฝั่ง น่าเขกหัวตัวเองจริงๆ) ที่จริงก็อยากเดินให้รอบแต่เวลาไม่พอเลยชวดไป
พิกัดที่ถูกต้อง 36.093141, 139.723408
13 Kumagaya
อันนี้เป็นจุดชมซากุระชื่อดังของ Saitama เลยล่ะ เพราะเดินทางง่าย อยู่ใกล้สถานีรถไฟที่สามารถเดินทางมาจากโตเกียวภายในเวลาไม่นานนักด้วย JR pass … ที่ Kumagaya มีคนเยอะมาก แต่เชื่อว่าทุกคนคิดเหมือนกันคือผิดหวัง เพราะนอกจากซากุระยังบานไม่เยอะแล้ว ดอก nanohana ที่เป็น highlight ก็แทบไม่มีเช่นกัน แถมดูแห้งแล้งมากเลยเมื่อเทียบกับสองปีก่อนที่ผมเคยมา (nanohana มีอยู่หย่อมเดียวตอนท้ายๆ ซึ่งคนเดินไปไม่ค่อยถึง)
พิกัด 36.136953, 139.382614 หรือนั่งรถไฟมาลงสถานี Kumagaya แล้วเดินไปอีกเล็กน้อย
14 Nagatoro
สำหรับที่นี่ผมทำใจไว้แล้วล่ะว่าดอกยังบานไม่เยอะแน่ๆ และก็เป็นอย่างที่คาดซากุระตรงอุโมงค์เมเปิ้ลบนถนนเลียบแม่น้ำ Arakawa ซึ่งเป็นจุดล่องเรือชื่อดังยังไม่ฟูเท่าไหร่ พอจะถ่ายภาพได้แต่ก็ไม่ถึงกับว้าว … อย่างไรก็ตามซากุระพันธุ์สีขาวที่อยู่ตามภูเขากำลังบานเต็มที่อยู่บนภูเขาเป็นหย่อมๆ พอให้ชื่นใจได้บ้าง
พิกัดอุโมงค์ซากุระ 36.096856, 139.113404 หรือนั่งรถไฟไปลงสถานี Nagatoro
15 Omiya park
เช้าวันสุดท้ายก่อนเดินทางกลับ ผมขับรถแวะไปที่ Omiya Park ใกล้สถานีรถไฟ Omiya ปรากฏว่าดอกซากุระกำลัง Full bloom เช่นกัน ซึ่งติดๆ กันมีอีก 2 สวน ที่มีซากุระอยู่ไม่น้อยเช่นกัน แต่เนื่องจากต้องรีบไปคืนรถแล้วนั่งรถไฟต่อไปยังสนามบินจึงทำได้แค่แวะถ่ายภาพแป๊ปเดียวที่ Omiya Park เท่านั้น
ตลอด 4 วันของการล่าซากุระเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมาก เพราะได้เจอซากุระสวยสมใจและส่วนใหญ่อากาศดีถึงดีมาก เรียกได้ว่าเต็มอิ่มละ (สำหรับโซนนี้) … ส่งท้ายด้วยภาพของ Mt. Fuji จากที่นั่งริมหน้าต่างของ AirAsiaX XJ603 ครับ 🙂
ป.ล.
ทริปนี้ใช้ TRAVELSIM ของ TrueMoveH ราคา 399 บาทได้เน็ตมา 6 GB ซึ่งใช้ได้สูงสุด 8 วัน เท่าที่สังเกตคือซิมตัวนี้จะเกาะสัญญาณของ Docomo ซึ่งเป็น operator อันดับหนึ่งของญี่ปุ่นทำให้การ update สถานการณ์ซากุระทั้งภาพและ live สดตลอด 6 วันลื่นไหลดีทั้งโตเกียวและไซตามะ ต้องขอบคุณ TrueMoveH มากครับที่ให้ซิมมาใช้งาน … สำหรับใครที่กำลังจะเดินทางไปญี่ปุ่นสามารถหาซื้อได้ที่ทรูช้อปทุกสาขาครับ