Select Page

ทริปตามหา 15 สถานที่ชมซากุระห้ามพลาดในโตเกียวและไซตามะ

หลังจากพลาดช่วงพีคของซากุระในโตเกียวเมื่อ 3 ปีก่อนเพราะเดินทางไปถึงตอนช่วงยังไม่ full bloom  ปีนี้เลยขอกลับไปแก้มืออีกครั้ง โดยวางแผนเป็นทริปสั้นๆ แบ่งเป็น 2 วันในโตเกียวและอีก 2 วันที่จังหวัดไซตามะซึ่งอยู่ติดกับโตเกียวและมีช่วงเวลาการบานของดอกซากุระใกล้เคียงกัน … ครั้งนี้เลือกจุดชมดอกไม้หลากหลายทั้งแบบในสวน, ในเมือง, ริมคลอง, ริมลำธาร รวมไปถึงในสุสานด้วย  มีที่ไหนบ้างดูแผนการเดินทางได้เลย

การเดินทาง

การเดินทางสำหรับทริปนี้ใช้บริการไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์  สายการบินราคาประหยัดที่มีเที่ยวบินตรงไปญี่ปุ่นให้เลือกหลายเมืองทั้งโตเกียว, โอซาก้า, นาโกย่า, ซับโปโร และสำหรับเมืองใหญ่อย่างโตเกียวกับโอซาก้ายังมีเวลาให้เลือกด้วยว่าจะบินช่วงกลางวันถึงค่ำ หรือจะบินดึกถึงเช้า ซึ่งก็มีข้อดีคนละแบบเลือกกันตามใจชอบเลย  สำหรับทริปนี้ผมบินช่วงกลางวันไปถึงญี่ปุ่นค่ำซึ่งไม่เหนื่อยกับการเดินทางมากนัก แต่ก็จะต้องเสียเวลาเที่ยวหนึ่งวันและเปลืองค่าที่พักเพิ่มอีกคืนนึง

สำหรับคนที่ถือบัตรเครดิตร่วมแอร์เอเชีย ธนาคารกรุงเทพอย่าลืมแสดงบัตรเพื่อรับสิทธิ์ check in และขึ้นเครื่องก่อนนะครับ

ได้ขึ้นเครื่องคนแรกๆ มันก็จะโล่งๆ หน่อย

แผนการเดินทางในญี่ปุ่น

ทริปนี้ มีเวลาเที่ยวจริงๆ แค่ 4 วัน (ไม่รวมเดินทาง) และตั้งใจมาดูซากุระโดยเฉพาะซึ่งเล็งไว้ที่โตเกียวกับจังหวัดที่ติดกับโตเกียวอย่างไซตามะ … การใช้ JR pass เหมือนที่คนไทยส่วนใหญ่คุ้นเคยดูเหมือนจะไม่คุ้มค่าและไม่สะดวกเท่าไหร่ เพราะสำหรับโตเกียว JR pass ไม่สามารถใช้ Tokyo Metro ได้  ใช้ได้แค่ Yamanote line ซึ่งบางครั้งสถานีไกลกับจุดชมซากุระ  และสำหรับจังหวัด Saitama จุดชมซากุระที่เล็งไว้หลายแห่งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟ แผนเดินทางทริปนี้จึงเป็นการผสมผสานระหว่างการใช้รถสาธารณะและขับรถเที่ยว

ช่วงแรกในโตเกียว 2 วัน ผมใช้ Tokyo Metro Unlimited Pass ซึ่งดีงามสุดๆ สามารถใช้ network ของรถใต้ดินเดินทางไปยังจุดชมซากุระในเมืองได้อย่างสะดวก ไม่ต้องซื้อเป็นเที่ยวๆ  แถมบางทีมีเปลี่ยนสถานีกระทันหันก็ต้องไม่เสียดายเพราะใช้ขึ้นรถไฟใต้ดินไม่จำกัด … ทั้งนี้พาสจะมีด้วยกัน 3 แบบคือ 24, 48 และ 72 ช.ม. สามารถสั่งซื้อง่ายๆ จาก KKDAY ได้จากลิ้งค์ด้านล่าง  จะได้เป็น voucher มานำไปแลกที่สำนักงานบริษัท HIS ที่สนามบิน

ลิ้งค์สำหรับซื้อ Tokyo Metro Unlimited Pass
http://bit.ly/2K6PYgL

แต่เนื่องจากผมต้องนั่งรถไฟจากนาริตะเข้ามายังโตเกียวด้วยในวันไปและกลับ  ผมจึงเลือกซื้อเพ็จเกจตั๋วรถไฟ Skyliner ของค่าย Keisei + Tokyo Metro Unlimited Pass คู่กันซึ่งทำให้ได้ราคาที่ประหยัดลงไปอีก โดยซื้อจาก KKDAY ตามลิ้งค์ด้านล่าง และนำ voucher ที่ได้ไปแลกเป็นตั๋ว Skyliner กับ Tokyo Metro Pass ได้ที่สำนักงานของ Keisei ที่สนามบินได้เลย

ลิ้งค์สำหรับซื้อ  Skyliner + Tokyo Metro Unlimited Pass  (มี option ให้เลือกหลายแบบทั้งขาเดียว ไป-กลับ และรวมกับ Metropass 24, 48 และ 72 hrs)
http://bit.ly/2I4fosX

หลังจาก 2 วันในโตเกียวแล้วผมเปลี่ยนจุดหมายไปจังหวัดไซตามะซึ่งอยู่ติดกับโตเกียวและช่วงเวลาที่ซากุระบานใกล้เคียงกัน  ที่นี่ผมเลือกขับรถเช่าเพื่อให้เข้าถึงจุดชมซากุระ unseen ได้สะดวกขึ้น  โดยใช้รถของ Toyota Rent a Car ผ่านบริษัท mindtrips.com ซึ่งมีเจ้าหน้าที่คนไทยอำนวยความสะดวกเรื่องจองรถและให้คำปรึกษาเรื่องการเลือกประกันและสถานที่รับส่งรถ  และมีคู่มืออธิบายเป็นภาษาไทยเข้าใจง่าย (รายละเอียดปลีกย่อยของการเช่ารถขับในญี่ปุ่นค่อนข้างจะเยอะกว่าประเทศอื่นๆ )

สรุปแผนการเดินทางอย่างย่อ  31 มี.ค. 62 – 5 เม.ย. 62

  • 31 มี.ค. ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ถึงสนามบินนาริตะช่วงค่ำ พักที่โรงแรมใกล้สนามบินซึ่งมีบริการรถรับส่งสนามบินฟรี
  • 1 เม.ย. เดินทางจากสนามบินเข้าสู่โตเกียวด้วยรถไฟ Skyliner และเริ่มใช้ Tokyo Metro Pass เที่ยวจุดชมซากุระต่างๆ ในโตเกียว
  • 2 เม.ย. เที่ยวจุดชมซากุระชานเมืองโตเกียวโดยใช้ Tokyo Metro Pass ร่วมกับการซื้อตั๋วรถไฟและโมโนเรล
  • 3 เม.ย. เดินทางจาก Ueno ไปยังเมือง Omiya ในจังหวัด Saitama ด้วยรถไฟ  แล้วรับรถเช่าจาก Toyota Rent a Car ขับไปจุดชมซากุระ Unseen
  • 4 เม.ย. ขับรถชมซากุระในจังหวัด Saitama
  • 5 เม.ย. คืนรถที่ Omiya แล้วนั่งรถไฟกลับเข้าโตเกียวแล้วต่อ Skyliner จาก Ueno ไปยังสนามบินนาริตะและเดินทางกลับ

เอาล่ะ ได้เวลาออกไปตามล่าซากุระกันแล้ว

ผมออกเดินทางจากโรงแรมใกล้สนามบินแต่เช้า จัดแจงแลกตั๋ว Skyliner และรับ Tokyo Metro Pass ที่สนามบินจากนั้นก็นั่งรถไฟเข้าสู่โตเกียวซึ่งใช้เวลาราว 1 ช.ม. จากนั้นก็เอากระเป๋าไปฝากไว้ที่พักก่อนแล้วเริ่มออกล่าซากุระทันท

1Naga Meguro

จุดหมายแรกวันนี้คือ Naga Meguro ซึ่งเป็นจุดชมวิวซากุระริมคลองชื่อดังในโตเกียว … การไปที่นี่ใช้ Metro นั่งไปลงสถานี Naga Meguro จากนั้นก็เดินตามฝูงชนไปได้เลยเพราะในช่วงซากุระบานที่นี่จะเป็นจุดหนึ่งที่คนหลั่งไหลมาชมความงามของดอกไม้กันมากที่สุด  พอออกมาจากสถานีรถไฟปุ๊ปเจอกับเจ้าหน้าที่ถือป้ายบอกทางไปชมซากุระด้วย น่ารักจริงๆ

ถึงแม้ที่นี่จะเป็นแม่น้ำแต่พออยู่ในเมืองบรรยากาศมันก็จะดูเหมือนคลอง  อย่างไรก็ตามน้ำใสปิ้งสไตล์ญี่ปุ่นดูแล้วน่าลงไปเล่นน้ำ  ที่สำคัญซากุระสองฝั่งคลองกำลังบานสะพรั่งเข้าสู่ช่วง full bloom สวยงามมากๆ  มีคนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวมาชมความงามซากุระในวันนี้กันอย่างคับคั่งแม้จะเป็นวันธรรมดา  โดยสามารถเดินชมซากุระได้ทั้งสองฝั่งคลองและมีสะพานเชื่อมระหว่างสองด้านให้ถ่ายภาพจากสะพานได้ด้วย

2 Roppongi Hills

ที่นี่เป็นสวนเล็กๆ  กลางเมืองที่มีซากุระทั้งสีขาวสีชมพูกำลังบานสวยงามพอดี สวนแห่งนี้ถูกล้อมด้วยตึกสูงทำให้ได้ภาพที่สวยแปลกตาไปอีกแบบ … การเดินทางให้นั่งรถไฟไต้ดินลงสถานี Roppongi แล้วเดินอีกไม่ไกลก็ถึง

3 Ark Hills

อยู่บริเวณเดียวกันกับ Roppongi Hills แต่ต้องลงที่สถานี Roppongi-Itchome แล้วเดินไปอีกเล็กน้อยก็จะเจอกับอุโมงค์ซากุระท่ามกลางเมืองใหญ่สวยไม่ซ้ำกับจุดอื่นๆ … จุดถ่ายภาพที่สวยงามแนะนำให้ขึ้นไปบนสะพานลอยแล้วถ่ายลอดซุ้มซากุระมองเห็นถนนสีดำเข้มสวยงามมากๆ

จากจุดนี้ลองเดินไปตามถนนจะมีมุมถ่ายภาพสวยๆ อีกหลายจุดเลย

4. Yoyogi Park

เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่ซากุระกำลังบานสะพรั่งเช่นกัน ผมไปช่วงเย็นมีชาวญี่ปุ่นไปปูเสื่อนั่งทานอาหารและสังสรรค์กันใต้ต้นซากุระเหมือนกับสวนชื่อดังอื่นๆ   แต่ความคับคั่งจะน้อยกว่า  ดังนั้นถ้าอยากหนีผู้คนแนะนำให้นั่งรถใต้ดินไปลงสถานี Yoyogi-Koen แล้วเดินอีกเล็กน้อยไปยังสวนครับ

วันแรกเก็บได้ 4 แห่งก็ปลื้มแล้ว  กลับที่พักอย่างสบายใจ  โดย 2 คืนในโตเกียวผมพักที่ Oakhostel Zen ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ Ueno (สามารถเดินได้สบายๆ)  แต่เนื่องจากมี Tokyo Metro Pass อยู่แล้วจึงใช้วิธีนั่งรถใต้ดินไปลงสถานีรถไฟใกล้ๆ โรงแรมแทน

สำหรับโรงแรม Oakhostel Zen ถือว่าโอเคนะ ราคาไม่แพง ห้องไม่คับแคบนัก  เป็น Hostel ที่มีครัวส่วนกลางให้ใช้บริการ  ห้องพักมีทั้งแบบห้องน้ำรวม แต่ผมเลือกแบบมีห้องน้ำในตัวซึ่งสะดวกกว่า … ข้อเสียคือไม่มีลิฟท์ ต้องยกกระเป๋าขึ้นชั้น 3 ซึ่งอาจไม่สะดวกสำหรับคนที่เดินไม่สะดวกหรือกระเป๋าเดินทางหนักมาก

ลิงค์จองโรงแรม Oakhostel http://bit.ly/2WX9wWD

วันที่ 2 แผนการเดินทางวันนี้ยังอยู่ในโตเกียว แต่หนีผู้คนออกไปชมซากุระชานเมืองที่ Tachikawa โดยนั่งรถ Metro ไปลงสถานีต้นทาง (Okikubo) แล้วต่อรถไฟ JR line Chuo line ไปอีกหน่อยเพื่อลงที่สถานี Tachikawa จากนั้นเดินไปขึ้น Tama​Monorail ไปลงสถานี Shibasakitaikukan (1 สถานี)  ลงจากสถานี Monorail เดินไปอีก 10 นาทีก็จะถึงจุดชมซากุระ Unseen อีกแห่งของโตเกียว

5. จุดชมซากุระที่ลำธารสาขาของแม่น้ำ Tama

เป็นสายน้ำเล็กๆ ชานเมืองโตเกียวในเขต ​Tachikawa ผมดูจากแผนที่แล้วเป็นลำธารที่ไหลไปลงแม่น้ำ Tama ซึ่งอยู่ห่างออกไปอีกหน่อย  เนื่องจากการเดินทางไม่ได้สะดวกเหมือนจุดชมซากุระในเมือง คนไปเที่ยวที่นี่ส่วนใหญ่จึงเป็นชาวญี่ปุ่นที่ไปนั่งพักผ่อนริมลำธารกับครอบครัวซะมากกว่านักท่องเที่ยวต่างชาติ  บรรยากาศจึงดูไม่ค่อยพลุกพล่านนักโดยเฉพาะช่วงเช้า …​ สองข้างของลำธารเป็นแนวต้นซากุระ ด้านหนึ่งมี slope หญ้าให้ลงไปนั่งปิกนิคริมลำธารได้ … ไปที่นี่แล้วจะรู้สึกอบอุ่นเพราะเราจะได้เห็นวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่นที่พาครอบครัวมาพักผ่อน ครูพาเด็กน้อยมาเดินทัศนศึกษา หรือบางทีก็มีศิลปินมาจับกลุ่มนั่งวาดภาพระบายสี  

6. ShowaKinen

เป็นสวนขนาดใหญ่ชานเมืองโตเกียวใกล้สถานี ​Tachikawa นั่งรถไฟต่อไปอีกสถานีก็ถึงหน้าสวนแล้ว (สถานี Nishi-Tachikawa) เป็นสวนที่ต้องเสียค่าเข้าชม 450 Yen แต่บอกได้เลยว่าคุ้มค่าเป็นที่สุดเพราะนอกจากดอกซากุระหลากสายพันธุ์แล้ว ยังมีไม้ดอกอื่นๆ ที่นำมาจัดไว้อย่างสวยงาม เสียดายที่ยังบานไม่เต็มที่ไม่เช่นนั้นคงจะสวยกว่านี้หลายเท่า เชื่อว่าช่วงกลางไปจนถึงปลายเดือนเมษายน ดอกทิวลิปคงบานสะพรั่งแน่ๆ แต่ตอนนั้นก็คงไม่มีซากุระให้ชมแล้ว

7. Chidorgafuchi

อีกสวนชื่อดังใจกลางเมืองโตเกียวใกล้พระราชวังอิมพีเรียลที่ผมไปถึงตอนค่ำ จึงได้ชม Light up เป็นของแถม … บรรยากาศที่นี่ค่อนข้างหนาแน่นไปด้วยผู้คนที่มาชมบรรยากาศซากุระริมคูน้ำขนาดใหญ่ มี background เป็นตึกสูงกลางกรุงโตเกียว … สำหรับมุมมหาชนนั้นทางการญี่ปุ่นได้จัดให้มีการเข้าแถวถ่ายภาพเพื่อความเป็นระเบียบ ต้องต่อคิวนานทีเดียว แต่บอกได้เลยว่าคุ้มค่าการรอคอย   สำหรับการเดินทางผมนั่งรถใต้ดินมาลงที่สถานี Kudanshita เดินออกมาก็เป็นแนวต้นซากุระเลย  จากจุดนี้สามารถเดินชมซากุระตามแนวฝั่งคลองไปได้เรื่อยๆ ครับ

ตลอด 2 วันในโตเกียวถือว่ามาได้ค่อนข้างถูกเวลา เพราะโดยรวมเข้าสู่ Full Bloom แล้วได้เจอซากุระแบบสวยสมใจ … เช้าวันรุ่งขึ้นผมย้ายเมืองหนีคนไปยังจังหวัดไซตามะ (Saitama) ซึ่งอยู่ห่างจากโตเกียวไปไม่ไกล ​โดยนั่งรถไฟ JR จากสถานี Ueno ไปลงสถานี Omiya จังหวัด Saitama ซึ่งใช้เวลาไม่ถึง 30 นาที (ค่าตั๋ว 470 Yen)  แต่ถ้าใครมี JR East Pass สามารถไปได้ด้วย Shinkansen โดยใช้เวลา 19 นาทีเท่านั้นจาก Ueno

ผมรับรถเช่าที่ ​Toyota สาขาสถานี Omiya แล้วเริ่มออกเดินทางไปยังจุดหมายแรกของไซตามะ

8 Motoara River Cherry Blossom Avenue

อยู่ที่เมือง Konosu ในจังหวัด Saitama เป็นแนวซากุระสองฝั่งแม่น้ำ Motoara ที่เงียบสงบมาก  ดอกไม้ส่วนใหญ่บานได้ราว 80-90% แต่ก็มีบางต้นที่ ​Full bloom แล้ว  … ผมเดินทางไปถึงราว 11 โมงและใช้เวลาที่นี่ชั่วโมงกว่าๆ เจอคนเดินชมไม่น่าจะถึง 30 คน ดังนั้นถ่ายภาพสบายไม่ต้องกลัวใครมาแย่งมุม (แต่เดาว่าถ้าเป็นวันเสาร์-อาทิตย์คนน่าจะเยอะกว่านี้นะ) 

สำหรับคนที่จะขับรถ พิกัดของจุดนี้คือ 36.106446, 139.457616

9. Sakitama ancient tomb park

อยู่ที่เมือง Gyoda เป็นสวนที่อยู่ติดกับสุสาน มีลักษณะเด่นคือเนินหญ้าสูงที่มีต้นซากุระโดดเด่นอยู่ด้านบน ส่วนด้านล่างก็มีต้นซากุระปลูกอยู่เป็นแนวหลายต้นเช่นกัน เสียดายที่วันนี้ต้นด้านบนยังบานไม่เต็มที่ก็เลยไม่ฟูเท่าไหร่ ไม่เช่นนั้นต้องสวยมากแน่ๆ เพราะสีขาวของดอกซากุระตัดและเนินหญ้าตับกับสีของท้องฟ้าสวยมากๆ

พิกัด 36.127254, 139.476987

10 Isanuma Park

เป็นสวนสาธารณะเล็กๆ ไม่ห่างจากเมือง Kawagoe ใกล้ๆ กันเป็นบึงขนาดย่อม  ระหว่างสวนกับบึงมีถนนคั่นกลางโดยมีต้นซากุระขนาบสองข้างเกิดเป็นอุโมงค์ซากุระน่าจะถูกใจสายถ่ายภาพ … ผมไปถึงช่วงเย็นแสงก็ลังเป็นสีทองสวยงามมากๆ … บึงที่ว่านี้สามารถขับรถเพื่อหามุมถ่ายภาพรอบๆ ได้ครับ แต่จุดที่จอดรถสะดวกจะมีอยู่ 2 แห่งคือที่ park กับลานจอดรถเล็กๆ อีกแห่งทางด้านทิศเหนือของบึง

พิกัด 35.923309, 139.514042

11 Shingashi River
เป็นจุดชมซากุระที่สวยมากๆ หลังศาลเจ้า Kawagoe Hikawa Shrine ใกล้ตัวเมือง Kawagoe … เสียดายที่ผมไปถึงตอนแสงหมดเกือบหมดแล้วก็เลยถ่ายภาพมาได้นิดเดียว แต่ก็ได้เห็นการจุดโคมไฟเป็นของแถม … ที่นี่ซากุระถือว่ากำลัง Full bloom สวยเต็มที่

พิกัด 35.928265, 139.488616

ไหนๆ ก็อยู่ใกล้เมือง Kawagoe อย่าพลาดหาอะไรทานในเมืองก่อน Kawagoe นะครับ

เช้าวันถัดมาเป็นอีกวันที่ตระเวนขับรถเที่ยวตามจุดชมซากุระชื่อดังของจังหวัด Saitama

12 Gongendo Park
สำหรับที่นี่พลาดอย่างจังเพราะปักหมุดคลาดเคลื่อนไปหน่อย Google นำไปยังอีกฝั่งนึงซึ่งติดแม่น้ำ ซากุระส่วนใหญ่ยังบานไม่เต็มที่นักแต่ก็สวยพอประมาณ แต่ที่สำคัญไม่เจอดอก nanohana สีเหลืองแบบที่เคยเห็นในภาพ (ก็แหงล่ะไปผิดฝั่ง น่าเขกหัวตัวเองจริงๆ) ที่จริงก็อยากเดินให้รอบแต่เวลาไม่พอเลยชวดไป

พิกัดที่ถูกต้อง 36.093141, 139.723408

13 Kumagaya
อันนี้เป็นจุดชมซากุระชื่อดังของ Saitama เลยล่ะ เพราะเดินทางง่าย อยู่ใกล้สถานีรถไฟที่สามารถเดินทางมาจากโตเกียวภายในเวลาไม่นานนักด้วย JR pass … ที่ Kumagaya มีคนเยอะมาก แต่เชื่อว่าทุกคนคิดเหมือนกันคือผิดหวัง เพราะนอกจากซากุระยังบานไม่เยอะแล้ว ดอก nanohana ที่เป็น highlight ก็แทบไม่มีเช่นกัน แถมดูแห้งแล้งมากเลยเมื่อเทียบกับสองปีก่อนที่ผมเคยมา (nanohana มีอยู่หย่อมเดียวตอนท้ายๆ ซึ่งคนเดินไปไม่ค่อยถึง)

พิกัด 36.136953, 139.382614 หรือนั่งรถไฟมาลงสถานี Kumagaya แล้วเดินไปอีกเล็กน้อย

14 Nagatoro
สำหรับที่นี่ผมทำใจไว้แล้วล่ะว่าดอกยังบานไม่เยอะแน่ๆ และก็เป็นอย่างที่คาดซากุระตรงอุโมงค์เมเปิ้ลบนถนนเลียบแม่น้ำ Arakawa ซึ่งเป็นจุดล่องเรือชื่อดังยังไม่ฟูเท่าไหร่ พอจะถ่ายภาพได้แต่ก็ไม่ถึงกับว้าว … อย่างไรก็ตามซากุระพันธุ์สีขาวที่อยู่ตามภูเขากำลังบานเต็มที่อยู่บนภูเขาเป็นหย่อมๆ พอให้ชื่นใจได้บ้าง

พิกัดอุโมงค์ซากุระ 36.096856, 139.113404 หรือนั่งรถไฟไปลงสถานี Nagatoro

15 Omiya park

เช้าวันสุดท้ายก่อนเดินทางกลับ ผมขับรถแวะไปที่ ​Omiya Park ใกล้สถานีรถไฟ Omiya ปรากฏว่าดอกซากุระกำลัง Full bloom เช่นกัน  ซึ่งติดๆ กันมีอีก 2 สวน ที่มีซากุระอยู่ไม่น้อยเช่นกัน  แต่เนื่องจากต้องรีบไปคืนรถแล้วนั่งรถไฟต่อไปยังสนามบินจึงทำได้แค่แวะถ่ายภาพแป๊ปเดียวที่ Omiya Park เท่านั้น

ตลอด 4 วันของการล่าซากุระเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมาก เพราะได้เจอซากุระสวยสมใจและส่วนใหญ่อากาศดีถึงดีมาก เรียกได้ว่าเต็มอิ่มละ (สำหรับโซนนี้)  … ส่งท้ายด้วยภาพของ Mt. Fuji จากที่นั่งริมหน้าต่างของ AirAsiaX XJ603 ครับ 🙂

ป.ล.
ทริปนี้ใช้ TRAVELSIM ของ ​TrueMoveH ราคา 399 บาทได้เน็ตมา 6 GB ซึ่งใช้ได้สูงสุด 8 วัน  เท่าที่สังเกตคือซิมตัวนี้จะเกาะสัญญาณของ Docomo ซึ่งเป็น operator อันดับหนึ่งของญี่ปุ่นทำให้การ update สถานการณ์ซากุระทั้งภาพและ live สดตลอด 6 วันลื่นไหลดีทั้งโตเกียวและไซตามะ  ต้องขอบคุณ TrueMoveH มากครับที่ให้ซิมมาใช้งาน … สำหรับใครที่กำลังจะเดินทางไปญี่ปุ่นสามารถหาซื้อได้ที่ทรูช้อปทุกสาขาครับ