หลังจากหมู่เกาะทางตอนใต้ของประเทศพม่าหรือเมียนมาถูกเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถได้เข้าไปสัมผัสธรรมชาติเมื่อปีที่ผ่านมา ผมนั้นตั้งเป้าหมายไว้ในใจเลยว่าจะต้องไปพิจสูจน์ความงามของที่นี่ให้ได้ เพราะเชื่อว่าพื้นที่บริเวณนี้ยังไม่ถูกรบกวนโดยมนุษย์มากนัก ดังนั้นน่าจะยังมีความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติใต้น้ำอยู่มาก ส่วนหาดทรายขาว ๆ น้ำใส ๆ สำหรับผมถือเป็นของแถม เพราะเชื่อว่าเกาะต่าง ๆ ในเมืองไทยบ้านเราก็สวยงามไม่แพ้กัน
ราว ๆ เดือนกันยา-ตุลาปี 58 ผมได้ยินข่าวว่าเกาะ ”ค๊อกคอม” หรือเกาะ “หัวใจมรกต” ซึ่งถือเป็น hi-light ของโปรแกรมถูกปิดไม่ให้เข้าชมด้วยเหตุผลบางประการ ทำให้ผมแอบเสียดายเล็กน้อย แต่ก็ไม่ละทิ้งเป้าหมายที่วางไว้ เพราะเชื่อว่าหมู่เกาะแถบนั้นน่าจะมีความสวยงามไม่แพ้กัน เพียงแต่ภาพทางอากาศของเกาะ “หัวใจมรกต” ถูกนำมา “เรียกแขก” เพราะมีเอกลักษณ์จดจำง่ายนั่นเอง
และเมื่อเดือน ธค. 58 ที่เพิ่งผ่านมา ผมได้รับการเชิญชวนจากน้องที่ทำทัวร์ไปสำรวจแหล่งท่องเที่ยวใหม่ในทะเลพม่าอีกแห่ง ผมจึงถือโอกาสเดียวกันนี้ไปทริปเกาะ “หัวใจมรกต” ด้วยอีกวัน และดูเหมือนผมจะได้รับโชคสองชั้น เนื่องจากเกาะ “หัวใจมรกต” ได้เปิดให้เข้าชมได้อีกครั้ง และนี่คือบันทึกพิสูจน์ความงามของทะเลพม่าของผมครั้งนี้
เนื่องจากผมอยู่ภูเก็ต การเดินทางไประนองจึงไม่ใช่เรื่องที่สะดวกนัก เพราะไม่มีไฟลท์ตรงไปที่นั่น มีตัวเลือกคือจะนั่งรถประจำทางไปหรือขับรถไปเท่านั้น … แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจว่าขับรถไปดีกว่า เพราะระยะทางราว 300 กม. ไม่ไกลเกินไป และจะได้ถือโอกาสแวะเที่ยวสถานที่ต่าง ๆ ในจังหวัดระนองซึ่งเป็นจุดสตาร์ทไปเที่ยวหมู่เกาะต่าง ๆ ของพม่าด้วย
การเดินทางมาระนองครั้งนี้ถือเป็นการมาเที่ยวครั้งแรกสำหรับผม ก่อนหน้านี้เคยมาระนองในฐานะทางผ่านของรถทัวร์จากกรุงเทพ ฯ ไปยังภูเก็ต (เดี๋ยวนี้รถทัวร์ส่วนใหญ่ไม่วิ่งเส้นนี้แล้วครับ เพราะเส้นทางคดเคี้ยวกว่าเส้นที่ผ่านจังหวัดสุราษฎร์) … มาครั้งนี้ผมไม่ได้พกดวงเรื่องอากาศมาด้วย ฟ้าครึ้ม แถมมีลมอีกต่างหาก ทำให้แอบนอยด์เล็กน้อยว่าโปรแกรมเที่ยวเกาะจะเป็นอย่างไรหนอ … แต่ในเมื่อมาแล้ว the show must go on, โดยก่อนถึงตัวเมืองระนองเล็กน้อย ผมแวะเที่ยว “ภูเขาหญ้า” ซึ่งตั้งโดดเด่นอยู่ริมทาง … แม้แสงจะไม่ค่อยมีแต่ที่นี่ก็ดูสวยงามดีทีเดียว เสียดายที่มีเศษขยะเยอะในบางจุด หากได้รับการดูแลให้ดีกว่านี้คงจะดีมาก
ชื่นชมและถ่ายภาพภูเขาหญ้าอยู่พักใหญ่ ผมขับรถย้อนไปชมวิวบนเนินที่อยู่หลัง “วัดบ้านหงาว” ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับ “ภูเขาหญ้า” นั่นเอง … จากด้านล่างสุดเดินขึ้นบันไดไป 300 กว่าขั้นทำเอาเหงื่อซึมเหมือนกัน (ถ้าอากาศร้อน ๆ คงเหงื่อท่วมแทน หุหุ) … บนยอดเนินมาองค์พระพุทธรูปขนาดเล็กให้บูชา และพื้นที่สำหรับชมวิวที่ด้านหนึ่งเป็นภูเขาอันเขียวชอุ่มของระนอง มีน้ำตกหงาวสูงเด่นเป็นสง่า แต่ช่วงนี้น้ำน้อยไปหน่อย ส่วนอีกด้านมองเห็นทะเลปากอ่าวของระนองอยู่ไกล ๆ
ใกล้ค่ำแล้วผมออกเดินทางต่อเข้าที่พักและหาอะไรทานในตัวเมืองระนอง … จะว่าไปผมชอบบรรยากาศของระนองมากทีเดียว เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่มีครบทั้งภูเขา, น้ำตก, ทะเล, บ่อน้ำร้อน ที่สำคัญยังมีความดั้งเดิมทั้งในแง่ของวิถีชีวิตและความสมบูรณ์ของธรรมชาติอยู่ค่อนข้างมาก เหมาะกับการหลบมาพักกายพักใจสำหรับคนเมืองจริง ๆ
ก่อนกลับที่พักผมแวะถ่ายภาพยามค่ำที่บริเวณพระราชวังรัตน์รังสรรค์จำลองซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับย่านกลางเมืองระนองด้วย ช่วงใกล้เทศกาลแบบนี้ประดับประดาไฟสวยงามทีเดียว (เอ หรือเขาประดับตลอดปีก็ไม่รู้เนอะ)
เช้าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ผมออกเดินทางไปสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวทางทะเลแห่งใหม่ของพม่า แต่ขออุบไว้ก่อนครับเพราะอยู่ระหว่างการเตรียมการให้สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้อย่างสะดวกสบาย .. ขอตัดภาพไปเช้าวันที่สองในระนองของผมเลยครับ วันนี้เราจะได้ไปเที่ยวเกาะ “หัวใจมรกต” กัน (ซะที) … เพิ่งเห็นว่าเขียนไตเติ้ลยาวไปแล้ว 555
ผมออกเดินทางจากที่พักใกล้บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน ใช้เวลาราว 15 นาทีก็ถึงท่าเรือ Grand Andaman ซึ่งเป็นจุดที่เราจะต้องดำเนินการทำเอกสารผ่านแดนชั่วคราวเพื่อเดินทางเข้าประเทศพม่า ทั้งนี้ผมได้ส่งสำเนาบัตรประชาชนให้ทางทัวร์ดำเนินการจัดเตรียมเอกสารไว้ล่วงหน้าแล้ว จึงเหลือเพียงขั้นตอนยื่นเอกสารดังกล่าวให้กับเจ้าหน้าที่ตม.เท่านั้น (หากยังไม่ทำเอกสารต้องมีขั้นตอนการยื่นเอกสารและเสียค่าธรรมเนียม 30 บาทสำหรับดำเนินการ อย่างไรก็ตามหากต้องการไปเที่ยวเกาะในพม่าควรจองล่วงหน้ามากับทัวร์และให้เขาดำเนินการเรื่องทั้งหมดให้ล่วงหน้านะครับ ถ้า walk in มาอาจไม่ได้ไป)
ที่ท่าเรือ Grand Andaman วันนี้ฟ้าแจ่มใสเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า แต่ที่ยังไม่ดีขึ้นคือ “ลม” หนึ่งในอุปสรรคสำคัญของการเที่ยวทะเล … ก่อนขึ้นเรือไกด์ได้อธิบายโปรแกรมคร่าว ๆ พร้อมบอกล่วงหน้าว่าวันนี้มีลม ยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถเข้าชมเกาะหัวใจมรกตได้หรือไม่ ต้องดูสถานการณ์อีกทีโดยจะคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก
ออกจากท่า เรามุ่งตรงไปยังเกาะสองเพื่อไปรับเจ้าหน้าที่ท่องเที่ยวของทางการพม่า (ที่จริงไม่ใช่เกาะนะ แต่เป็นแหลมทางตอนใต้สุดของพม่า แต่เราต้องเดินทางไปที่นั่นด้วยเรือจึงเรียกติดปากกันว่า “เกาะ” ส่วนทางพม่าจะเรียกจุดนี้ว่า Kaw Thaung , Bayintnaung Cape หรือ “Victoria point”) … จากนั้นเรือจะวิ่งมารับเสบียงที่ “เกาะสน” ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงแรมแกรนด์อันดามันที่เป็นเจ้าของสัมปทานทัวร์ในหมู่เกาะพม่านั่นเอง
เห็นเจดีย์แบบนี้รู้เลยครับว่าเราอยู่ในพม่าแล้ว
จากจุดนี้ก็นั่งเรือมุ่งลงใต้ใช้เวลาราวชั่วโมงนิด ๆ เราก็มาถึงเกาะ “หัวใจมรกต” บริเวณปากทางเข้า lagoon ที่อยู่ด้านใน การเข้าชมจะต้องลอดผ่านถ้ำเข้าไป แต่ทว่าคลื่นลมวันนี้แรงเกินกว่าที่จะสามารถเข้าชมได้อย่างปลอดภัย ไกด์จึงได้อธิบายให้ลูกทัวร์ได้ทราบ แม้จะมีเสียงครวญอย่างเสียดายของนักท่องเที่ยวหลายคน (โดยเฉพาะคนที่พลาดโอกาสเมื่อวาน และวันนี้ยอมมาอีกรอบ) แต่ทุกคนก็ต้องยอมรับเพราะความปลอดภัยถือเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรกของการท่องเที่ยว … สำหรับผม แม้จะเคยได้ยินข้อมูลเกี่ยวกับเกาะหัวใจมรกตมาบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับทำการบ้านละเอียด จิตใจนั้นโฟกัสอยู่กับโลกใต้น้ำมากกว่า และคิดว่าเกาะอื่น ๆ ที่อยู่ในโปรแกรมก็คงสวยงามไม่แพ้กัน จึงรอลุ้นดำน้ำในจุดอื่น ๆ แทน
คลื่นแรงก็เลยต้องผิดหวังกันทั้งลำ
เมื่อพลาดจากจุดแรก เรือจึงนำเราลงใต้ไปอีกเพื่อไปยังเกาะมุเตา (Auriol) …. ที่นี่แม้จะมีคลื่นพอสมควร แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับการดำน้ำมากนัก … ผมเก็บภาพจากบนเรือเล็กน้อยก็ลง snorkel ร่วมกับนักท่องเที่ยวคนอื่น ๆ … บอกได้เลยว่าไม่ผิดหวังครับ ที่นี่มีปะการังสมบูรณ์ มีตายไปบ้างแต่ที่อยู่ในสภาพดียังมีอีกมาก ส่วนใหญ่เป็นปะการังแผ่น ๆ คล้ายผักกาด เสียดายที่น้ำมีคลื่นเยอะทำให้การถ่ายภาพด้วยเจ้า Go pro จะไม่นิ่งเท่าที่ควร ภาพที่ออกมาจึงทำให้ดูปวดหัวสักหน่อย … ส่วนปลาก็มีเยอะทีเดียวครับ … สำหรับดอกไม้ทะเลกับนี่โม่ไม่ต้องลุ้นเลย มีเพียบไม่ต้องใช้โชคแม้แต่น้อย
คำแนะนำสำหรับคนที่ยังไม่มีประสบการณ์ดำน้ำตื้น ขอให้อยู่ใกล้ไกด์ไว้ครับเพราะเขาจะสังเกตเห็นสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ แปลก ๆ ได้ดีกว่าเรา และคอยชี้ให้เราดูเป็นระยะ
ใช้เวลาตรงนี้ราว 45 นาที เราก็เดินทางไปยังเกาะดันกิ้น ซึ่งเป็นที่พักรับประทานอาหารเที่ยง และน่าจะเป็นเกาะเดียวในทริปที่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวขึ้นบนชายหาดได้ … ที่เกาะแห่งนี้ชายหาดค่อนข้างยาวและขาวสะอาดมาก น้ำก็ใสคล้ายกับบริเวณหมู่เกาะสุรินทร์บ้านเรา …
บนเกาะมีห้องน้ำไว้บริการ แต่อยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้าง บางห้องจึงไม่เรียบร้อยดีนัก … สำหรับอาหารเที่ยงถูกบรรจุมาในกล่องพลาสติก เป็นข้าวกับปลาผัดพริกและน่องไก่ ให้มาเยอะกินอิ่มเลยล่ะครับ รสชาติดีทีเดียว (หรือว่าเราหิว 555)
เนื่องจากทัวร์จะให้เวลากับที่นี่ราว 2 ชั่วโมง จะนอนพัก เล่นน้ำ พายเรือคายัคก็ได้ ส่วนผมก็ถ่ายภาพสิครับ เพราะอากาศดีเว่อร์ คนก็น้อยเพราะมีเรือมาลงแค่ 2 ลำ ยิ่งเดินข้ามโขดหินไปหน่อย อีกหาดก็เหมือนหาดส่วนตัวของผมคนเดียวเลย
ออกจากเกาะดันกิ้น ไกด์แจ้งว่าคลื่นลมดูเหมือนจะสงบลง เราจะไปยังเกาะหัวใจมรกตกันอีกครั้ง … เย้ กันลั่นเรือสิครับ และก็เหมือนฟ้าเห็นใจเรา คลื่นลมด้านหน้าทางเข้าสงบกว่าช่วงเช้าเยอะ พวกเราค่อย ๆ ทยอยลงน้ำกัน โดยมีไกด์นำเข้าสู่ lagoon ของเกาะหัวใจมรกต … อย่างที่บอกครับผมเองนั้นไม่ได้คาดหวังว่าปะการังที่นี่จะโดดเด่นกว่าเกาะอื่น ๆ แต่แค่เจอกับปะการังที่ทางเข้าของเกาะนี้ ผมก็รู้ว่าตัวเองคิดผิดถนัดและคงไม่สามารถพูดได้ว่ามาถึงเกาะหัวใจมรกตหากไม่ได้ลงดำน้ำที่นี่ เพราะบริเวณใกล้โขดหินมีปะการังอ่อนสีส้ม ใกล้ ๆ กันเป็นปะการังแซ่หลายสี โผล่แซมขึ้นมาจากพื้นทรายด้านล่าง ฝูงปลาที่นี่ก็ดูจะขยันกว่าที่อื่น แข่งกันว่ายออกมาอวดโฉมกันไม่หยุด … ไม่เท่านั้นเมื่อค่อย ๆ ว่ายไปด้านใน หมู่ปะการังที่อยู่รัศมีรอบนอกของ lagoon ก็มีความสวยงามไม่น้อย แถมหลากหลายด้วย บางจุดเป็นบ้านดอกไม้ทะเล จึงเจอเจ้านีโม่เยอะเป็นพิเศษ ส่วนใจกลาง lagoon เป็นจุดที่น้ำลึกมากมองอะไรแทบไม่เห็น แต่ที่ต้องระวังคือระดับน้ำซึ่งค่อนข้างตื้นอาจทำให้โดนปะการังหรือหอยเม่นที่มีอยู่เยอะบาดเอาตามร่างกายได้ … เสียดายที่เรามีเวลาจำกัด จึงได้อิ่มเอมกับที่นี่ราวครึ่งชั่วโมงก็ต้องขึ้นเรือ … แต่นับเป็นครึ่งชั่วโมงที่มีความหมายสำหรับผมมากทีเดียว และที่นี่ทำให้ผมเกิดแรงบันดาลใจว่าต้องฝึกดำลงไปถ่ายภาพใต้น้ำำให้ดีกว่านี้ เพราะการถ่ายภาพจากผิวน้ำบางครั้งไม่ได้อรรถรสและได้ภาพอย่างที่ต้องการ
นักท่องเที่ยวแต่ละคนขึ้นเรือด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มบ่งบอกว่าสมใจกับทริปนี้แล้ว แต่เรือยังพาเราไปดำน้ำที่อีกเกาะคือเกาะย่านเชือก … ที่นี่เราต้องเจอกระแสน้ำแรงเนื่องจากลมอีกแล้ว และน้ำก็ค่อนข้างขุ่น … แม้ปะการังด้านล่างจะสวยมากเหมือนกัน แต่การที่ต้องว่ายทวนน้ำ กอร์ปกับความขุ่นของน้ำทำให้ได้ภาพมาไม่ดีนัก
เราใช้เวลาที่เกาะย่านเชือกราว 30 นาทีก็ขึ้นเรือเพื่อกลับไปยังเกาะสนซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงแรม Grand Andaman … ที่นี่เราสามารถอาบน้ำเปลี่ยนชุดได้โดยใช้สิ่งอำนวยความสะดวกของโรงแรม และมี buffet มื้อเย็นให้ด้วย นับเป็นความได้เปรียบของทัวร์ทะเลพม่าเมื่อเทียบกับทัวร์อื่น ๆ ของเกาะบ้านเรามที่มักจะมีเฉพาะมื้อเที่ยงให้ … ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเจ้าของทัวร์กับเจ้าของโรงแรมรวมถึงคาสิโนที่นี่เป็นผู้ประกอบการรายเดียวกัน จึงไม่จำเป็นต้องสร้าง facilities ใหม่เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มที่ไปเที่ยวเกาะ แถมยังสามารถรวมเอาทุกอย่างไว้ในโปรแกรมท่องเที่ยวได้อีกด้วย … สำหรับห้องอาบน้ำที่นี่อาจจะมีน้อยหน่อยนะครับ แต่สำหรับคุณผู้ชายจะมาใช้ฝักบัวริมสระก็ได้
ทั้งนี้นักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือกลับจากเกาะสนไปยังท่าเรือได้ตามสะดวก โดยเรือจะออกทุกชั่วโมงและรอบสุดท้ายคือ 5 ทุ่ม … ใครอยากจะ shopping ใน duty free หรือลองเสี่ยงดวงในคาสิโนดูบ้างก็ได้ ส่วนผมรีบเข้าไปทานอาหารตั้งแต่ line buffet เริ่มเปิด จากนั้นก็นั่งเรือรอบ 6 โมงกลับเลย เพราะอยากกลับเข้าไปเดินที่ถนนคนเดินของระนองซึ่งเปิดเป็นสัปดาห์แรก
วิวที่ห้องอาหารสวยทีเดียวครับ
ใครอยากจะกลับฝั่งก็มารอเจ้าหน้าที่เรียกขึ้นเรือที่ lobby โรงแรมครับ
ชมภาพไปเยอะแล้ว ลองมาชม VDO สรุปทริปนี้กันครับว่า ท้องทะเลพม่านั้นสวยและสมบูรณ์มากขนาดไหน
ทะเลพม่านั้นสวยมากครับ หาดทรายยังขาว พืชพรรณบนเกาะเขียวชอุ่มสมบูรณ์มาก น้ำใส (ถ้าไม่มีลมเข้า) แต่ถามว่าสวยกว่าเกาะในเมืองไทยไหม ผมว่าไม่นะ หลาย ๆ เกาะบนของเราน้ำสีสวยกว่าด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็น สิมิลัน, ตาชัย และอีกหลายเกาะของพังงา, กระบี่และตรัง แต่ถ้าพูดถึงโลกใต้ทะเลน้ำตื้นสำหรับ snorkeling ผมต้องยอมรับเลยว่าบ้านเค้ายังสมบูรณ์กว่าของเราเยอะ แต่ละเกาะนั้นสวยไปคนละแบบและดูตื่นตามาก ก็หวังว่าจะยังคงสวยงามเป็นมรดกให้มนุษย์อย่างเรา ๆ ได้ชมกันไปชั่วลูกชั่วหลาน แม้จะไม่ใช่สมบัติของคนไทยแต่ปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลเหล่านี้ก็เป็นสมบัติของโลกเรา ฝากทุกคนช่วยกันรักษาด้วยนะครับ
สำหรับเพื่อน ๆ ที่สนใจทริปเกาะหัวใจมรกต ติดต่อได้ที่ Phuket Tour Holiday ตามรายละเอียดด้านล่างได้เลยครับ
- website www.phukettourholiday.com
- facbook www.facebook.com/phukettourholiday
- โทร 089-726 1788, 086-667 4446, 096-636 4565
- 076-680 788 Fax: 076-306 058
- e-mail : info@phukettourholiday.com