ปฐมบท
ต้นเดือนกันยายนปี 53 ที่ผ่านมา ผมได้รับการชักชวนจากเพื่อนเก่าสมัยเรียนมหา’ลัยไปเที่ยวยุโรป ผ่านทาง Facebook (ขอบคุณ Mr. Mark ที่ประทาน Facebook ให้เราเหล่าเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ได้เจอกัน หลังจากไม่ได้พบหน้าพบตากันหลายปีจนนับนิ้วมือรวมกับนิ้วเท้าแทบไม่พอ หุหุ) โดยตั้งเป้ากันว่าจะไป ออสเตรีย-เช็ก-สวิสฯ ในช่วงวันหยุดยาวปลายเดือนเม.ย. ต่อต้นเดือน พ.ค. ผมจึงรับอาสาหาข้อมูลเพื่อวางแผนการเดินทาง ภายใต้แผนร้ายที่จะแอบใส่รายการท่องเที่ยวไปเยอะ ๆ ชนิดที่มากกว่าทัวร์ทั่วไป 2 เท่า เพื่อให้คุ้มค่าตั๋ว อิอิ
ด้วยความที่แต่ละประเทศข้างต้นมีแหล่งท่องเที่ยวสวยงามมากมาย และการเดินทางบางช่วงกินเวลามาก ทำให้เราต้องยุบเหลือเพียง 2 ประเทศคือ ออสเตรีย กับ สวิสฯ อันเนื่องมาจากข้อจำกัดวันท่องเที่ยวที่เรามีเพียง 10 วันเท่านั้น ซึ่งเท่าที่หาข้อมูล ส่วนใหญ่คนไทยจะเลือกเที่ยว ออสเตรีย-เช็ก (อาจรวมฮังการี) และแยกเที่ยวสวิสฯ ต่างหาก … แต่ส่วนตัวผมอยากไปสวิสฯ มาก เลยใช้มารยาชายหลายพันเล่มเกวียนกล่อมจนเพื่อน ๆ ในกลุ่มตกลงปลงใจว่าจะไปกันสองประเทศนี้ หุหุ อย่างนี้ก็เสร็จโจรดิ 555
หลังจากได้ข้อสรุปเรื่องสถานที่แล้ว ก็ได้เวลารวบรวมพลพรรคจนครบ 6 คน มากพอที่จะเที่ยวแบบไม่เหงา แต่ก็ไม่มากเกินไปสำหรับการเช่ารถขับที่ออสเตรีย (ที่จริงก็เบียด ๆ กันไปเพราะพื้นที่เกือบครึ่งนึงถูกใช้ในการวางสัมภาระ โชคดีที่สาว ๆ แต่ละคนของเราตัวเล็กทั้งนั้นเลยไม่เป็นปัญหา อิอิ) … เมื่อจำนวนคนและจำนวนวันแต่ชัดแล้ว ผมก็เริ่มหาข้อมูลจาก internet รวมถึงเพื่อนฝูงที่เคยไป เพื่อให้ได้รายละเอียดมากที่สุด ทั้งนี้แผนของเราคือจะใช้เวลาที่ออสเตรีย 4 วันครึ่ง และสวิสฯ 5 วัน โดยเช่ารถขับในออสเตรีย และนั่งรถไฟเที่ยวในสวิสฯ
รายละเอียดการเตรียมตัวทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นการหาข้อมูล, ขอ VISA, การจองห้องพัก, รถเช่า, ตั๋วรถไฟ, Swiss pass รวมถึงการเตรียมเรื่องอาหารการกิน, เสื้อผ้า, อุปกรณ์ถ่ายภาพ ผมจะสรุปในบทสุดท้าย สำหรับเพื่อน ๆ ที่กำลังวางแผนที่จะท่องเที่ยวในอนาคต ส่วนพื้นที่ต่อไปนี้ ขอเป็นเรื่องราวการเดินทางอันแสนทรหด แต่สุดประทับใจของผม … พร้อมหรือยังครับ ถ้าพร้อมแล้วขึ้นเครื่องไปพร้อมกันเลย
Sawasdee Vienna
หลังจาก 13 ชั่วโมงบนเครื่องบินของสายการบิน Qatar กับการแวะพักที่ Doha อีกราว 2 ชั่วโมง .. เราก็ถูกนำข้ามทวีปมากยังเมืองหลวงของประเทศออสเตรียที่ชื่อว่า Vienna หรืออีกนามนึงที่คนพื้นที่เรียกว่า Wien … เราเดินทางถึง Vienna ราว 7 โมงเช้า โดยเครื่องค่อย ๆ ลดระดับผ่านทุ่งหญ้าและหมู่บ้านเล็ก ๆ ชานเมือง มองเห็นวิวแม่น้ำ และภูเขาที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางสายหมอกสีทองยามเช้า สร้างความประทับใจตั้งแต่แรกเห็น … และเสียงชัตเตอร์จากเจ้า Nikon D7000 ของผมก็เริ่มทำงานตั้งแต่นาทีนั้นนั่นเอง
บรรยากาศยามเช้าขณะเครื่องลงที่สนามบินเวียนนา
สนามบิน Vienna เป็นสนามบินที่ไม่ใหญ่นัก และระบบ immigration ก็ไม่ได้เข้มงวดมากมากเหมือนบางประเทศ ที่ผมอุตสาห์เตรียมตัว declare อาหารสำเร็จต่าง ๆ ก็เลยไม่ต้องทำ เพราะช่องทางออกที่สำหรับ declare ปิด เราทั้งกลุ่มก็เลยเดินออกจากสนามบินได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกลัวว่าอาหารไฮโซ ประเภทมาม่า, ข้าวกระป๋อง, ปลากระป๋องของเราจะถูกริบไป อิอิ
เดินออกไปง่าย ๆ ตรงทางออกสีเขียวนี่แหละครับ ส่วนสีแดงปิดสนิท หุหุ
วันแรกของโปรแกรมเราวางแผนจะเที่ยวในเมืองเวียนนา ดังนั้นเราจึงยังไม่ได้รับรถเช่าในวันนี้ แต่เดินทางด้วยรถไฟแทน ซึ่งที่นี่มี choice ให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นตั๋ววัน, ตั๋วโซน หรือจะเป็น Vienna card ที่ใช้เป็นส่วนลดในการเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ ได้ด้วย … แต่พี่ไทยไม่เป็นรองใครเรื่องความคุ้มค่า ผมจึงเลือกตั๋วแบบ 8 ใบย่อย ที่แต่ละใบสามารถใช้ได้ 24 ชม. ต่อคน เรามีกัน 6 คน ก็เลยต้องซื้อ 2 ชุดสำหรับสองวัน ที่เหลือก็ถือว่าสนับสนุนชาวออสเตรียให้ทำระบบขนส่งดี ๆ ต่อไป .. แม้ราคาจะสูงกว่าที่ค้นคว้ามาเล็กน้อย (9.6 Euro ต่อคนสำหรับ 2 วัน) แต่ก็ยังถูกกว่าการซื้อตั๋ววันต่อคนอยู่ดี ก็เลยไม่คิดมาก … แต่กว่าจะทำความเข้าใจกับการ validate ตั๋วนี่ก็เล่นเอาแย่เหมือนกัน เนื่องจากตู้ขายตั๋วมีแต่ภาษาเยอรมัน และที่นี่ก็ไม่มี counter ขายตั๋วซะด้วย โชคดีที่มีคุณป้าชาวเวียนนามาช่วยเราก็เลยได้ขึ้นรถไฟกันซะที
รถไฟแล่นผ่านชานเมือง และค่อย ๆ เข้าสู่ใจกลางเมือง โดยเราต้องเปลี่ยนขบวนหนึ่งครั้งเพื่อไปยังจุดหมายของเรา Happy Hostel ซึ่งตั้งอยู่ใกล้สถานี West Banhof (สถานีตะวันตก) … จากสถานีก็เดินลากกระเป๋าหาที่พักกันพอสังเขปก็เจอกับที่พักสำหรับคืนนี้ที่เวียนนา
วิวสองข้างทางระหว่างเดินทางจากสนามบินเข้าเมือง และระหว่างทางจากสถานีรถไฟไปยังโรงแรม
เนื่องจากยังไม่ได้เวลา check in เราจึงต้องฝากสัมภาระไว้ใน locker ของโรงแรม ซึ่งก็ใหญ่พอที่จะบรรจุของสำหรับ 6 คน + กระเป๋าเก็บอาหารอีก 2 ใบได้อย่างสบาย ๆ ทำให้เราหมดห่วงเรื่องการเที่ยวในเมืองเวียนนาของเราในวันนี้ แถมยังมีห้องน้ำให้เราได้พอล้างหน้าล้างตาหลังจากผ่านการบินอันแสนยาวนานอีกด้วย และที่ขาดไม่ได้คือมี internet ให้เหล่าสาวก facebook ได้ check in และ update สถานะให้เพื่อน ๆ ในเมืองไทยแอบอิจฉา อิอิ
Locker ของพวกเราและคุณป้าผู้ดูแล Happy Hostel ที่ต้อนรับเราอย่างดี กับบรรยากาศบริเวณที่พัก
ก่อนโปรแกรมเที่ยวพระราชวังเชิญบรุนน์ (Schonbrunn Palace) จะเริ่มขึ้น เราเริ่มมื้อเช้าแรกในเวียนนาของเราด้วยข้าวกระป๋อง + ปลากระป๋องและปลากรอบที่อุตสาห์ขนข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากเมืองไทย นับว่าเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับเพื่อน ๆ ที่ต้องการประหยัดค่าอาหารครับ
ข้าวกระป๋อง และกับข้าวจากเมืองไทย จะว่าไปแล้วก็เพิ่งลองเป็นครั้งแรกเหมือนกัน หุหุ
จากสถานีสถานีรถรางใกล้ ๆ ที่พัก เรานั่งรถชมเมืองมาไม่นานก็ถึงพระราชวังเชิญบรุนน์ ซึ่งคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยว แต่ก็ไม่ได้ทำให้ที่นี่ดูหนาแน่น เพราะพื้นที่พระราชวังนั้นกว้างขวางมาก
เตรียมเดินทางไปชมพระราชวังเชิญบรุนน์และบรรยกาศด้านหน้า
เราเริ่มถ่ายภาพกันอย่างสนุกสนานตั้งแต่ลานด้านหน้า จนเข้าไปถึงจุดขายตั๋ว แต่แล้วก็เกิดเหตุไม่คาดฝันเมื่อหนึ่งในคณะของเราถูกล้วงกระเป๋า จนต้องเสียเงินเกือบทั้งหมดที่เตรียมมาสำหรับทริปนี้ และเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้กระตือรือร้นที่จะช่วยเหลืออะไรมากไปกว่าชี้ทางไปสถานีตำรวจ ทำให้ผมผิดหวังกับเมืองเวียนนาพอสมควร ไม่ใช่เพราะที่นี่มีโจรผู้ร้ายเหมือนเมืองใหญ่ทั่ว ๆ ไป แต่ผิดหวังที่ไม่มีป้ายเตือนนักท่องเที่ยวเลย ทั้ง ๆ ที่มาทราบภายหลังว่ามีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเสมอ และเจ้าหน้าที่แต่ละคนก็ไม่ได้มี service mind ที่จะช่วยเหลือเลยแม้แต่น้อย … เราทำได้แต่เพียงทำใจและปล่อยให้เหตุการณ์นี้เป็นประสบการณ์อันแสนแพงที่ต้องจำไปอีกนาน สำหรับเพื่อน ๆที่กำลังจะเดินทางท่องเที่ยวไปยังเมืองใหญ่ ๆ ก็ต้องวางแผนเรื่องการแยกเก็บเงิน และระวังตัวให้มากนะครับ
เราใช้เวลาพักใหญ่ในการเดินทางไปสถานีตำรวจเพื่อแจ้งความเป็นหลักฐาน (แค่นั้นจริง ๆ เพราะตำรวจก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าการบันทึกเหตุการณ์ลงในกระดาษ) … ในความโชคไม่ดีนั้นทำให้เรารู้ว่ามีทางเข้าไปพระราชวังอีกทาง ซึ่งไม่ต้องซื้อตั๋ว แต่สามารถเข้าชมสวนสวย ๆ ด้านในได้ แม้ว่าเราจะไม่ได้เข้าชมห้องต่าง ๆ ด้านในพระราชวังตามที่วางแผนไว้ แต่การเข้ามาได้ชมสวนอันงดงามภายในพระราชวังก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เราค่อย ๆ ทุเลาความหม่นหมองในใจลงทีละน้อย
บรรยากาศสวนสวย ๆ และความยิ่งใหญ่ของพระราชวังเชิญบรุนน์ กับเหล่านางแบบ
หลังจากเดินกันจนขาลากภายใต้บริเวณอันกว้างใหญ่ของพระราชวังแล้ว เราก็เดินทางไป check in และย้ายกระเป๋าไปยังห้องพัก ซึ่งอยู่คนละตึก และย้อนกลับเข้าสู่ใจกลางเมืองเวียนนาในส่วนที่เป็นย่านเมืองเก่า … เราใช้ตั๋วที่ซื้อไว้นั่งรถมาลงที่สถานีใกล้ Staphans-dom อันเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของเวียนนาซึ่งแม้ว่าวันนี้จะอยู่ระหว่างการบูรณะแต่ภาพของโบสถ์ก็ยังคงเห็นเด่นชัดเพราะมีการพิมพ์ภาพขนาดใหญ่เท่าของจริงวางทาบไว้บนพื้นที่ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการซ่อมแซม แม้จะทดแทนกันไม่ได้แต่ก็ทำให้เราได้เห็นถึงความอลังการที่สะท้อนความศรัทธาของชาวออสเตรียได้เป็นอย่างดี
Stephandom
หลังจากถ่ายภาพด้านในโบสถ์สักพัก เราก็ออกตระเวนย่านเมืองเก่ารอบ ๆ แต่ก็ไม่สามารถเก็บรายละเอียดได้มากนัก เพราะฝนตกปรอย ๆ และเริ่มจะมืดแล้ว ผมจึงชวนเพื่อน ๆ ไปชมวิวแม่น้ำดานูบยามค่ำ ตบท้ายด้วยอาหารง่าย ๆ + ไอศกรีมอร่อย ๆ ในย่าน shopping ของเมืองเวียนนา ก่อนที่จะกลับมาที่พักเพื่อพักผ่อนหลังจากเหน็ดเหนื่อยมากับการเดินทางตลอดทั้งวัน
วิวระหว่างเดินเล่นในเขตเมืองเก่าใกล้ Stephandom, บรรยากาศริมแม่น้ำดานูบ และบรรยากาศห้องพักที่ Happy Hostel
ผมหลับแทบจะทันทีที่หัวถึงหมอนเพราะเพลียมาก และห้องพักอันโอโถงและสะดวกสบายของ Happy Hostel ก็ทำให้ผม Happy ได้จริง ๆ เพราะตื่นเช้าขึ้นมาก็รู้สึกได้ถึงพลังที่พร้อมจะลุยเมืองเวียนนาต่อทันที
อาหารเช้าถูกปรุงอย่างง่ายๆ ในครัวภายในห้องพัก มาม่าร้อน ๆ กับข้าวและแกงสำเร็จรูปจากเมืองไทย ช่วยคลายหนาวได้เป็นอย่างดี … เราออกเดินทางเข้าเมืองอีกครั้งเพื่อเก็บตกจุดต่าง ๆ ที่ยังไม่ได้ไปเยือน เริ่มจาก stadtpark สวนสาธารณขนาดใหญ่ใกล้ย่านเมืองเก่า ที่เต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ และสวนดอกไม้ที่ถูกจัดอย่างสวยงาม แต่ที่ขาดไม่ได้คือการถ่ายภาพคู่กับรูปปั้น Johann Strauss ที่วันนี้ถูกนำมาวางบนแท่น ให้ถ่ายภาพกันได้อย่างใกล้ชิด (ทีแรกนึกว่าเป็น Mozart เหมือนที่เคยอ่านในบางเวป แต่มาค้นเจอภายหลังว่านี่คือ Johann Strauss นักประพันธ์ดนตรีชื่อดังอีกคนของ Austria)
บรรยากาศสวย ๆ ใน Stadtpark และรอบ ๆ สวน
จาก Stadtpark เราเดินทางด้วยรถ tram สาย 2 ที่วิ่งรอบย่านเมืองเก่า เพื่อชมเมืองเวียนนา และแวะลงถ่ายภาพที่พระราชวัง Hofburg ซึ่งใกล้กันมีที่มีรูปปั้น Mozart อยู่ด้วย … แม้ว่าสิ่งปลูกสร้างไม่ว่าจะเป็นพระราชวัง, Museum บริเวณนี้ จะยิ่งใหญ่สวยงามอลังการมาก แต่เราก็ต้องจำใจโบกมือลาเพราะได้เวลาที่เราจะต้องกลับไป check out และรับรถที่ติดต่อเช่าไว้แล้ว
ความสวยงามยิ่งใหญ่บริเวณพระราชวัง Hofburg
หลังจาก check out แล้วเราเดินทางไปอีกหลายสถานีเพื่อไปยังจุดนัดรับรถของบริษัท Mega Drive บริษัทรถเช่าท้องถิ่นของออสเตรียที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งผมจองรถ Opel Zafira แบบ 7 ที่นั่งไว้พร้อมกับ GPS เพื่อนำทาง แต่พอเอาเข้าจริงต้องพับเบาะ 2 ที่นั่งหลังเพื่อวางกระเป๋าสัมภาระ และนั่งแถวกลาง 4 คนแทน แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับสาว ๆ ของเรา หุหุ
ผมใช้เวลาทำความคุ้นเคยกับพวงมาลัยซ้ายอยู่สักพักจึงค่อยปล่อยให้เจ้า GPS ช่วยนำทางไปยังจุดหมายต่อไปของเรา นั่นคือ Hallstatt เมืองเล็ก ๆ ริมทะเลสาบที่ห่างออกไปราว 300 กม.
รถค่อย ๆ ออกจากเขตเมือง ทำให้ผมคลายความวิตกในการขับรถได้พอควร เนื่องจากนี่เป็นการขับรถเลนขวาเป็นครั้งแรก และวิวสองข้างทางที่ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นทุ่งหญ้า, ป่าสน และพื้นที่เขียว ๆ ทางการเกษตรช่วยให้กับขับรถของผมสุนทรีขึ้นอีกเยอะทีเดียว และหลังจากขับไปได้ไม่นานนักทุ่งดอกมัสตาร์ดสีเหลืองสดก็ทำให้ผมต้องฝืนคำสั่งของเจ้า GPS เบนหัวรถเข้าไปยังเมืองเล็ก ๆ ข้างทางเพื่อถ่ายภาพของดอกไม้สีเหลืองที่ถูกปลูกบนแปลงผืนใหญ่ ..
ถ่ายภาพกับทุ่งมัสตาร์ด
น่าเสียดายที่ยังไม่ทันหนำใจฝนก็โปรยปรายลงมาและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดในเวลาอันสั้น อีกทั้งสาว ๆ ของเราก็เรียกร้องจะเข้าห้องน้ำ ผมก็เลยขับแบบสุ่ม ๆ เข้าไปในหมู่บ้านและแวะที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งเพื่อเข้าห้องน้ำ แต่ก็เหมือนโชคชะตาจะจงใจพาเรามาพบกับร้านอาหารแห่งนี้ เพราะนอกจากความอบอุ่นในร้าน และบรรยากาศที่ถูกจัดแบบดูดีสไตล์ตะวันตกแล้ว เรายังเหลือบเห็นว่าร้านนี้มีคนเข้ามาใช้บริการเยอะมาก ทั้ง ๆ ที่อยู่ในที่ห่างใกล้เมืองใหญ่ แถมมีป้ายประกาศรางวัลต่าง ๆ ติดไว้ในร้านด้วย ทุกคนจึงลงความเห็นว่าเราจะทานอาหารเที่ยงกันที่นี่ และก็ไม่ผิดหวังครับ เพราะอาหารแต่ละจาน น่าทานและรสชาติดีทีเดียว กาแฟก็รสนุ่มลิ้นคลายหนาวได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญราคาไม่แพงจนเกินไป ทำให้มื้อเที่ยงของเราวันนี้ทำเอาเจริญอาหารกันถ้วนหน้า (เวปไซต์ของร้าน http://www.leinfellner.at/)
บรรยากาศในร้านอาหาร Lein’s Dorfwirtshaus
หลังจากทานมื้อเที่ยงเสร็จ ฝนก็หยุดตกพอดี เมฆสีดำหายไปเปลี่ยนเป็นท้องฟ้าใสและปุยเมฆขาว ผมจึงถือโอกาสหยิบกล้องมาถ่ายภาพสวนสวย ๆ ด้านหน้าและบนทุ่งหญ้าหลังร้านพักใหญ่
แต่ยังครับ ยังไม่ถึงที่พักของวันนี้ง่าย ๆ เพราะวิวข้างทางนั้นสวยจนเราต้องแวะจอดถ่ายภาพชุดใหญ่กันอีกสองรอบ
บรรยากาศอันสวยงามระหว่างทางไป Hallstatt บางภาพถ่ายตอนเกือบหนึ่งทุ่มแต่แดดยังแรงมาก นับเป็นกำไรของการเที่ยวยุโรปในช่วง summer หุหุ
เพื่อให้ครบสูตรความสุขก็แวะทานแกแฟกันอีกรอบก่อนที่จะเดินทางอย่างมีความสุขต่อไปยังอีกหนึ่งจุดหมายข้างหน้าที่ใกล้เข้ามาทุกที … Hallstatt หนึ่งในเมืองสุดโรแมนติกอีกเมืองหนึ่งของ Austria
สวัสดีค่ะ
ภาพสวยมากๆ ตามอ่านทั้งพันทิพย์ และมาเจอที่นี่
กำลังมีแพลนไปฮันนีมูนช่วงเดือนเมษา ที่ สวิส ออสเตรีย เยอรมัน รบกวนขอรายละเอียดทริปด้วยค่ะ
ขอบคุณมากๆค่ะ ^ ^
นายมด: ส่งให้ทางเมลแล้วนะครับ
รบกวนขอรายละเอียดการเดินทางทั้งหมดนะคะ ajcharanukul@yahoo.com
ขอบคุณมากค่ะ
อรพินธ์
9Mot: สถานี Hietzing ที่เลยสถานีเชิร์นบรุนไปอีกสถานีครับ
รบกวนสอบถามว่าทางเข้าสวนพระราชวังเชิร์นบรุน ที่ไม่ต้องเสียตังค์ต้องลงรถไฟสถานีไหนคะใกล้สุด. ขอบคุณค่ะ
รบกวนขอรายละเอียดการเดินทาง สวิส ออสเตรีย หน่อยค่ะ พอดีมีแผนจะไปสองประเทศนี้เหมือนกันเลยค่ะ joyacid@gmail.com ขอบคุณมากๆค่ะ
ผมส่งรายละเอียดต่าง ๆ ที่ขอมาไปทาง e-mail แล้วนะครับ … เรื่องอายุไม่ใช่ปัญหาครับ ตอนเดินทางท่องเที่ยวผมรู้สึกเสมอว่าอายุเราน้อยลง กระฉับกระเฉงคล่องตัวเหมือนตอนวัยรุ่น 555 …
ขอถามหน่อยครับ ถ้าไปเที่ยวแบบพวกคุณ พอมีรายละเอียดส่งให้ทางเมลไหมครับ ถ้าชวนลูกสาวกับลูกชายได้จะได้ลองไปดูครับ ช่วงปิดเทอม ถ้าไม่เป็นการรบกวนมากนักกรุณาส่งข้อมูลวิธีเจริญรอยตามด้วยครับ ขอบคุณมากครับ eedsc@yahoo.co.th – 4151@sanook.com ครับ (โปรแกรมเยอรมัน-เชก-ออสเตรียหรือที่น่าสนใจที่คุณมี ชอบยุโรปมากครับ สวยมากกกก ขอบคุณมากครับ)
ผมไปกับทัวร์ครับ ชะโงกทัวร์ เห็นแล้วอยากไปอีก แต่งบน้อย คงต้องเก็บเงินอีกนาน ที่คุณถ่ายภาพมาสวยมาก ตอนผมไปไม่มีโอกาสปั้นแต่งเลยครับ ไกด์เร่งรีบตลอดช้าเดี๋ยวกลุ่มทัวร์ด้วยกันมองหน้า เราชอบดูและถ่ายภาพ เขาชอบเร็ว ช็อบของที่ระลึก ไม่เน้นการถ่ายเท่าไหร่ อยากไปพวกคุณบ้างแต่ไม่เก่งภาษา อายุ50แล้ว งบพอสะสมได้ หาเพื่อนร่วมอุดมการยากครับ
ติดตามเกือบทุกทริป ถ่ายรูปได้สวยมากๆ การเขียนน่าอ่านและให้ข้อมูลได้ดีมากๆ ช่วยแนะนำรถเช่าที่ Innsbruck แล้วคืนที่ Salzburg ว่าใช้ของบริษัทอะไร ไปกัน 7 คนค่ะ จะไปตามเส้นทางของคุณมดนี้แหละค่ะ ขอบคุณมากค่า
กำลังจะไปเที่ยวออสเตรียวันเสาร์นี้แล้วค่ะ เพิ่งจะมาหารถเช่าขับเหมือนกัน รบกวนถามว่า เวลาเราเข้าไปจองรถ มันจะมีระบุว่านั่งได้กี่คน กระเป๋ากี่ใบ เราไปกัน 7 คน หารถ 9 Seat แต่ทำไมให้ใส่กระเป๋าได้ใบเดียวเองอะคะ
9MOT : ต้องขอโทษด้วยครับที่เพิ่งจะตอบเนื่องจากช่วงนี้ยุ่งเหลือเกิน ดูจากวันเดินทางแล้วผมคงตอบสายไปแหง ๆ เลย แต่ขอตอบไว้เป็นข้อมูลสำหรับเพื่อน ๆ คนอื่น ๆ นะครับ … ถ้าผมเดาไม่ผิด ที่นั่งแถวหลังสุดของรถคันนั้นจะอยู่ิติดกับฝากระโปรงหลังมากจนทำให้เหลือที่วางกระเป๋าได้แค่ใบเดียวครับ ถ้าโชคดีหน่อยบางคันสามารถที่จะพับเบาะเพื่อเพิ่มพื้นที่ได้ แต่บางคันก็ทำไม่ได้ คงต้องเอากระเป๋าบางส่วนวางบนเบาะ
คันที่ผมเช่าเป็นแบบ 7 ที่นั่ง แต่ท้ายที่สุดแล้วผมก็ต้องพับที่นั่งแถวหลังสุด แล้วนั่งแถวกลางสี่คนเนื่องจากกระเป๋าที่นำไปใบใหญ่มากจนวางไม่พอครับ
ถ่ายรูปสวยมากครับ เห็นแล้วอยากเปลื่ยนกล้องเลย
9MOT : ขอบคุณที่แวะเข้ามาชมครับ อย่าให้ถึงขนาดเปลี่ยนกล้องเลยคร้าบ 555
อยากไปอะครับ Austria สวยจริง ๆ ภาพสวยจังครับ
9MOT : ใช่ครับสวยมาก ๆ