พูดถึง “เขาหลัก” จังหวัดพังงา ความพิเศษของที่นี่คืออารมณ์ผสมผสานระหว่าง “ทะเล” และ “ป่า” เวลามาเที่ยวเขาหลักทีไรจึงรู้สึกว่ามีความสดชื่นของป่าเจืออยู่กับความสดใสของทะเลทุกครั้งไป … มีโอกาสได้มาพักผ่อนที่เขาหลักอีกครั้ง ทำให้ผมได้สัมผัสกับอีกดาวเด่นประจำเขาหลัก Casa de La Flora รีสอร์ทซึ่งผสานความโมเดิร์นของรูปทรงเข้ากับเส้นสายและงานดีไซน์จากวัสดุธรรมชาติที่ให้สัมผัสอบอุ่นมีชีวิตชีวา …
Casa de La Flora เป็น Design Hotel ตั้งอยู่ริมทะเลเขาหลักในโซนที่เงียบแต่ก็ไม่ไกลจากย่านร้านค้า จึงนับว่าเป็นทำเลที่ดีทีเดียวเพราะได้ทั้งความสงบและสะดวกไปพร้อมๆ กัน … รีสอร์ท ดีไซน์สวยแห่งนี้ประกอบด้วย Pool Villa 36 หลังแบ่งย่อยเป็น 8 ประเภทห้องพัก แต่งเติมด้วยพื้นที่สีเขียวที่ออกแบบให้ดูทันสมัยสอดรับกับงานออกแบบสถาปัตยกรรมโดยรวม
อันที่จริงมีหลายคนทำรีวิวของ Casa de La Flora ไปแล้วล่ะ พอเห็นภาพก็แทบจะรู้ทันทีเลยว่านี่คือ Casa เพราะดีไซน์มีเอกลักษณ์มาก … หลายคนพูดถึงความครบครันของ amenities ในห้องพักไม่ว่าจะเป็น apple TV, เครื่องชงกาแฟ Nespresso, ระบบควบคุมแสงไฟแบบ digital รวมถึงข้าวของเครื่องใช้ในห้องน้ำที่จัดมาให้แบบเต็มพิกัด … สำหรับรีวิวนี้จึงอาจไม่ได้เน้นแจกแจงข้อมูลสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มากนักนะครับ เพราะรายละเอียดเหล่านั้นมีให้อ่านเยอะแล้ว แต่อยากเล่าถึงความมีชีวิตชีวาในรีสอร์ทแห่งนี้มากกว่า จะเป็นอย่างไรไปดูกันครับ
ผมเดินทางออกจากภูเก็ตช่วงเย็นด้วยรถส่วนตัวและถึง Casa de La Flora ในช่วงค่ำคืนวันศุกร์ซึ่งมี BBQ Seafood Buffet ของทางรีสอร์ทพอดี … seafood เลือกสั่งได้ตามใจชอบทั้งกุ้ง, ปู, ปลา รวมถึง lobster ที่บางส่วนได้มาจากทะเลของพังงานี่เอง จึงไม่ต้องแปลกใจที่เนื้อจะสดและหวานมาก … การได้ทานมื้อค่ำริมทะเล ฟังเสียงคลื่นเคล้าเสียง live music เป็นการเริ่มต้นช่วงเวลาของการพักผ่อนอย่างดีทีเดียว
บรรยากาศ BBQ seafood ริมทะเล
ห้องพักของผมคืนนี้เป็นแบบ duplex grand pool villa มีพื้นที่รวม 110 sq.m. ห้องแบ่งเป็นสามระดับคือห้องนั่งเล่นกับสระว่ายน้ำอยู่ชั้นล่าง ชั้นกลางเป็นพื้นที่เก็บของ, บริเวณแต่งตัวและส่วนของห้องน้ำ ชั้นบนสุดเป็นห้องนอนเห็นวิวทะเล โดยทั้งสามอยู่ภายใต้ space ที่เชื่อมต่อกันทำให้รู้สึกโปร่งสบาย ผสานกับดีไซน์แบบโมเดิร์นที่เลือกใช้วัสดุเป็นคอนกรีตเปลือยกรุผนังด้วยไม้ ให้ความรู้สึกหรูหราที่แฝงไว้ด้วยความอบอุ่น นอกจากนี้ยังใส่สีสันด้วยการเลือกใช้ของตกแต่งบางชิ้นเป็นสีฟ้าน้ำทะเล ทำให้ห้องพักดูมีชีวิตชีวาไม่น่าเบื่อ … สำหรับฟังก์ชันการใช้งานภายในห้องผมว่าลงตัวดีและถูกออกแบบมาสำหรับเป็นพื้นที่พักผ่อนสำหรับคู่รักจริงๆ หากมากับเพื่อนหรือมีลูกที่โตแล้วมาด้วยอาจไม่เหมาะนัก เพราะส่วนของที่อาบน้ำไม่มีประตูนะ 🙂
ออกมาเก็บภาพ main pool ซึ่งอยู่ติดกับห้องพักไว้หน่อย ที่จริงดาวเยอะเลยแต่แสงในรีสอร์ทสว่างไปหน่อยจึงมองไม่ค่อยเห็น
รุ่งขึ้นผมตื่นแต่เช้าออกไปสูดอากาศและเก็บภาพบรรยากาศใกล้ๆ ห้องพักและทะเลหน้ารีสอร์ท … แอบแปลกใจนิดหน่อยกับอากาศที่ค่อนข้างเย็นในช่วงฤดูร้อนแบบนี้ และนี่เองคือเสน่ห์อีกอย่างของเขาหลักที่ผมเกริ่นไปตั้งแต่ต้น ..
เวลาไปเที่ยว ลองตื่นเช้ากว่าปกตินะครับ แล้วเราจะได้เห็นอะไรดีๆ เยอะเลย
ชายหาดด้านหน้า Casa de la flora เป็นหาดทรายที่ไม่กว้างนัก ดังนั้นช่วงน้ำขึ้นสูงจะเหลือพื้นที่ของหาดน้อย ข้อดีคือทำให้ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวจากโรงแรมอื่นมาใช้พื้นที่ส่วนนี้เล่นน้ำหรืออาบแดดเลย จึงเหมือนหาดตรงนี้เป็นพื้นที่ส่วนตัวแบบไปโดยปริยาย … อย่างไรก็ตามทรายของเขาหลักจะไม่ขาวเนียนเหมือนบนเกาะนะครับ แต่น้ำก็ใสดีทีเดียวและแขกหลายคนก็ลงไปเล่นน้ำกัน
อาหารเช้าของ Casa de La Flora ให้บริการที่ La Aranya ซึ่งเป็นห้องอาหารแห่งเดียวของรีสอร์ท ถึงแม้ส่วนของ line buffet จะดูไม่อลังการเมื่อเทียบกับโรงแรมใหญ่ๆ เพราะที่นี่มีเพียง 36 ห้อง แต่แขกก็สามารถเลือกจานหลักจาก a l carte เมนูแบบไม่จำกัด และมีความหลากหลายพอสมควรทั้งอาหารไทยและอินเตอร์… สำหรับหน้าตาของอาหารที่ผมสั่ง ทำออกมาได้สวยงามทุกจาน รวมถึงของที่ใช้บนโต๊ะอาหารก็ดูดีไม่จำเจ แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะทำให้รีสอร์ทแห่งนี้โดดเด่นเรื่องดีไซน์จริงๆ แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่ารสชาติอาหารที่ถูกปากมากเลย …
วันนี้ผมมีโปรแกรมทริปครึ่งวันไปดำน้ำดูปะการังน้ำตื้นและเที่ยวเขาหน้ายักษ์ซึ่งเป็นกิจกรรมใหม่ของทางรีสอร์ทจัดขึ้นใหักับแขกที่ไม่อยากเหนื่อยกับการเดินทางไปเกาะไกลๆ อย่างสิมิลันหรือสุรินทร์ … จาก Casa de La Flora รถของโรงแรมจะนำเราไปยังท่าเรือที่หน้า La Flora โรงแรมในเครือเดียวกันที่ห่างออกไปราว 5 นาที …
พร้อมเดินทาง 🙂
จากนั้นไกด์ประจำทริปจะทำการ brief โปรแกรมการท่องเที่ยว แจกจ่ายอุปกรณ์ดำน้ำ และนำเราออกเดินทางจไปยังปากอ่าวใกล้ฐานทัพเรือทับละมุ ซึ่งใช้เวลาราว 20 นาทีก็ถึงแล้ว … ที่นี่เป็นจุดดำน้ำตื้นที่ไม่ค่อยมีบริษัทท่องเที่ยวนำนักท่องเที่ยวมาชมมากนัก เพราะส่วนใหญ่จะเดินทางไปเกาะกันมากกว่า … จะว่าไปจุดนี้น้ำใสดีเหมือนกัน ส่วนปะการังก็มีไม่น้อยเลย และยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ดีทีเดียว ส่วนฝูงปลาก็มีให้เห็นพอประมาณครับ
เราได้ดำน้ำกันจนอิ่ม จากนั้นขึ้นเรือเพื่อเดินทางต่อผ่านฐานทัพเรือทับละมุเข้าไปยังจุดเริ่มของเส้นทางเดินชมธรรมชาติ… เส้นทางนี้นำเราผ่านป่าเสม็ดสลับทุ่งหญ้าที่หลายๆ คนเรียกว่าเป็นทุ่งสะวันนาแห่งท้ายเหมือง เป็นทิวทัศน์ที่ค่อนข้างแปลกตา เพราะมีให้เห็นไม่เยอะนักในบ้านเรา นี่ถ้ามียีราฟ หรือสิงโตอยู่ในทุ่งด้วยก็เหมือนอาฟริกาเลย
ถัดจากทุ่งหญ้าไปไม่ไกลก็ถึงชายหาดเขาหน้ายักษ์ ซึ่งจะว่าไปก็คือด้านเหนือสุดของหาดท้ายเหมืองจังหวัดพังงานั่นเอง … ผมเอง surprise มากที่ชายหาดตรงนี้ขาวสะอาดและน้ำทะเลก็ใสมาก แค่เห็นก็อยากลงไปเล่นน้ำแล้ว ที่สำคัญคนไม่เยอะเพราะการเดินทางมาที่นี่ค่อนข้างจะลำบากอยู่พอสมควร … เมื่อไปถึงแต่ละคนก็แยกย้ายกันลงน้ำ ถ่ายภาพตามอัธยาศัย
หลังได้สนุกกับการเล่นน้ำทะเลสักพัก ก็ได้เวลาอาหารเที่ยง ซึ่งทางโรงแรม เตรียมปิ่นโตสีสันสดใสน่ารักมาให้เราได้สนุกกับบรรยากาศปิกนิคริมชายหาด ดูเหมือนจะถูกใจบรรดานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเป็นพิเศษเลย
เมื่อได้เวลาอันสมควร ก็ขึ้นเรือที่มาจอดรอรับพวกเราอยู่แล้วเพื่อเดินทางกลับไปยังโรงแรม นับเป็น half day trip ที่ลงตัวมากทีเดียว ได้ดูปะการัง เดินชมทุ่งหญ้าสะวันนา และเล่นน้ำทะเลใสๆ กับบรรยากาศแบบผจญภัยเล็กๆ ที่ไม่เหนื่อยและเสียเวลามากเกินไป … ใครมาพักที่ Casa de La Flora ถ้าสนใจก็ลองสอบถามข้อมูลได้จากพนักงานครับ
มองจากทะเลกลับเข้าไปที่ชายหาด
ช่วงบ่ายผมใช้เวลาพักผ่อนสลับถ่ายภาพทั่วๆ ไปในรีสอร์ท …
บอกเลยว่าที่นี่มีมุมสวยให้ถ่ายภาพเพียบ
มีนัดอีกครั้งเพื่อทาน private sunset dinner ที่ถูกจัดขึ้นเป็นพิเศษบนหลังคาของห้องอาหาร La Aranya … แค่เห็น setup ก็ใจละลายแล้วครับ โต๊ะทานข้าวที่ถูกจัดอย่างพิถีพิถัน รายล้อมด้วยเทียนและดอกไม้โรแมนติกมากๆ ทั้งนี้เชฟจะปรุงอาหารและมีพนักงานบริการ stand by อยู่ไม่ไกล โดยพร้อมเข้ามาดูแลทันทีเมื่อเราต้องการ ..
บรรยากาศหลังพระอาทิตย์ตกโรแมนติกมากๆ
อาหารเสิร์ฟนั้นเป็นคอร์ด เริ่มจาก appetizer เรียกน้ำย่อยและซุปเห็ดรสชาติกลมกล่อม เบรคด้วยเชอเบท ก่อนที่จะเสิร์ฟ main course เป็นเนื้อต่างๆ ตามที่เราเลือก และปิดท้ายด้วยผลไม้รวม … ทั้งนี้ทางรีสอร์ทสามารถจัดสถานที่ dinner ในบริเวณอื่นภายในรีสอร์ทได้ด้วย สามารถสอบทางได้จากพนักงานเลยครับ
เช้าวันรุ่งขึ้นผมตื่นสายพอสมควร ใช้เวลาหลังทานอาหารเช้าพักผ่อนอย่างเต็มที่ ก่อนจะมาทานมื้อเที่ยงกันที่ห้องอาหาร La Aranya โดยลองสั่งเมนูแบบ set ที่เป็นอาหารไทย แล้วก็ไม่ผิดหวังครับ นอกจากอาหารจะจัดมาอย่างสวยงามแล้ว รสชาติยังอร่อยลงตัวทุกอย่าง เรียกว่ารสชาติคนไทยเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะแกงส้มรสจัดจ้านถูกใจจริงๆ อันนี้ขอชื่นชมเชฟจากใจเลยครับ
พออาหารเที่ยงย่อยเรียบร้อยก็ได้เวลาเข้า Spa la casa ไปผ่อนคลายกันหน่อย … วันนี้ผมเลือก package แบบ 2 ชั่วโมงเป็น scrub ตัวและนวดด้วยน้ำมันมะพร้าวที่ทางสปาเคี่ยวเองจากกระทิสด … ปกติแล้วผมมักเลือกกลิ่นน้ำมันอโรม่าเป็น lavender หรือไม่ก็ตะไคร้ แต่น้ำมันมะพร้าวของที่นี่หอมดีจริงๆ เลยขอลองซะหน่อย
ห้องให้บริการ Spa la casa กว้างขวางมีห้องน้ำในตัวและยังคง concept แบบโมเดิร์นที่แฝงไว้ด้วยความหรูหราแต่ดูอบอุ่น … ตลอดสองชั่วโมงพนักงานให้บริการอย่างมืออาชีพ ทักษะการนวดดีมาก อีกอย่างราคาสปาของที่นี่ไม่แพงนะครับหากเทียบกับสปาของโรงแรม 5 ดาวที่ผมเคยสัมผัสมา นอกจากนี้ยังมี package signature ที่น่าสนใจดีอาทิการใช้ประคบร้อนด้วยดีบุก หรือใช้หอยเบี้ยในการนวดหน้าเป็นต้น ซึ่งเป็นการนำเอาวัสดุในท้องถิ่นมาผสมผสานกับทรีตเมนต์ของสปาได้อย่างลงตัว … ผมอยากแนะนำว่าถ้าจองห้องพักให้ลองดู package ที่รวมสปาด้วยจะคุ้มค่ามากๆ ครับ
สรุปประสบการณ์พักผ่อนช่วงสั้นๆ วันหยุดของผมครั้งนี้ ต้องบอกว่า Casa de La Flora เป็นโรงแรมที่ให้มากกว่าคำว่าดีไซน์ เพราะนอกจากชั้นเชิงการออกแบบโดดเด่นสวยงามทั้งด้านสถาปัตยกรรมและองค์ประกอบอื่นๆแล้ว ยังตั้งอยู่ในทำเลที่เงียบสงบ จำนวนห้องพักที่ไม่มากทำให้บรรยากาศโดยทั่วไปไม่พลุกพล่าน มีความเป็นส่วนตัวสูง … ห้องพักมอบ space ที่โปร่งสบายและมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันทันสมัย … ที่ต้องชื่นชมแบบเน้นตัวหนาคือพนักงานในทุกส่วนที่ยิ้มแย้มเป็นมิตรกับลูกค้า และคอยให้ความช่วยเหลืออย่างดีตามแบบฉบับของคนไทย ทำให้การเดินทางมาเขาหลักครั้งนี้เป็นวันหยุดพักผ่อนที่สุดแสนประทับใจ
และพิเศษสุดจริงๆ สำหรับแฟนเพจ #นายมด … รับส่วนลดอีก 8% จากราคา Thai Resident Rate เมื่อจองผ่าน website ของทางรีสอร์ทหรือจองผ่านแผนกรับจองที่โทร :076-428-999 / E-mail : reservation@casadelaflora.com โดยใช้โค้ดส่วนลด 9MOT2017 สามารถใช้สิทธิ์เข้าพักได้ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 ตุลาคม 2560 … สามารถสอบถามเงื่อนไขโดยละเอียดได้จากทางรีสอร์ทนะครับ
ผมลองคำนวณราคาห้องคร่าวๆ ที่ลดแล้วได้ตามข้างล่างนี้ (ราคาที่แน่นอนให้เช็คอีกครั้งกับทาง Casa de La Flora อีกครั้งนะครับ)
Studio Pool Villa: THB 6,900
Duplex Pool Suite: THB 7,820
Duplex Grand Pool Villa: THB 8,740
Casa Pool Suite:THB 9,200
Beachfront Pool Villa: THB 10,120
Beachfront Suite Pool: THB 11,040
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมของ Casa de La Flora สามารถชมได้ที่ website และ facebook ของทางรีสอร์ท
- website : http://www.casadelaflora.com
- facebook : https://www.facebook.com/casadelaflora
เห็นคนรีวิวเยอะจิงๆคะ สำหรับโรงแรมแห่งนี้ อ่านแล้วก็อยากจะไปพักผ่อนมาก นึกถึงเตียงนุ่มๆห้องสวยๆบรรยกาศดีๆ ซึ่งพอถึงเวลากลางคืนก็จะสวยไปอีกแบบ โรแมนติกมากๆอยากไปนั่งโง่ๆดูพระอาทิตย์ตก และอีกอย่างพักที่เขาหลัก จะไปเที่ยวเกาะต่างๆทั้ง เกาะสุรินท์ เกาะสิมิลัน และอีกอย่างทำให้นึกถึงเกาะตาชัยขึ้นมาทันที (ขอให้ขอให้โดน ถ้าได้จะกราบงามๆสัก3ที 555)