ก่อนจะเล่าถึงเบตง คงต้องบอกก่อนว่าผมก็เหมือนคนไทยทั่วๆไปแหละ รู้จักเบตงในระดับนึง เป็นภาพลางๆ เป็นคำคุ้นหู แต่ด้วยความที่เบตงเป็นส่วนหนึ่งของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีภาพของความไม่สงบปกคลุมอยู่ทำให้ความอยากไปเห็นเบตงด้วยตาตัวเองมันถูกซ่อนเอาไว้ลึกๆ … จนวันนึงเพื่อนบล็อกเกอร์ส่งข้อความมาถามว่าอยากไปเที่ยวเบตงไหม คนเบตงเค้าอยากให้คนไทยได้รู้ว่า #เบตงยิ่งกว่าโอค … นาทีนั้นไม่ได้ใช้เหตุผลอะไรในการตัดสินใจเลย สัญาชาติญาณบอกว่าถึงเวลาแล้วที่เราต้องไป “เที่ยวเบตง”
การเดินทางไปสัมผัสครั้งนี้มีโต้โผใหญ่ผู้ดำเนินการคือโกเอ็กซ์ คนเบตงผู้รักถิ่นฐานบ้านเกิดและอยากให้คนไทยรักเบตงเหมือนกับที่เค้ารัก มีเพื่อนบล็อกเกอร์จากเพจ “เที่ยววิถีแม่” และ “One22.com” เป็นผู้ประสานงานชักชวนบล็อกเกอร์อีก 10 กว่าชีวิตร่วมเดินทางลงไปสัมผัสเบตงด้วยกันในครั้งนี้
3 ประสานผู้ทำให้ผมได้รู้จักกับเบตง
ผมปักหลักที่ Modern Thai Hotel โรงแรมใจกลางเมืองเบตง ห่างจากวงเวียนหอนาฬิกาไม่ถึง 300 เมตร อยู่ใกล้ street art และร้านอาหารชื่อดังในเมืองเบตงเกือบทุกแห่งในรีวิวนี้ ราคาเริ่มตั้งแต่หลักร้อยขึ้นไป สนใจก็ไปส่องดูได้ที่เวปไซต์ของโรงแรม http://www.modernthaihotel.com/
ผมมีเวลาอยู่ที่เบตง 4 วัน 3 คืน ได้มีโอกาสสัมผัสแง่มุมที่หลากหลายของเบตง ทั้งวิถีชีวิตที่ยังคงกลิ่นอายความดั้งเดิมอยู่มากไม่ได้เป็นเมืองท่องเที่ยวแบบสุดกู่ แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยจนลืมไปเลยว่านี่คือผืนแผ่นดินใต้สุดของไทย และที่สำคัญอาหารเบตงอร่อยและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่น่าสนใจ … และนี่คือ #ของดีเบตง 3 อย่างที่ผมอยากเล่าให้ฟังจากใจคนไป (เที่ยว) เบตงครั้งแรก
1. เมืองเบตง
หลังได้สัมผัสเบตงตลอด 4 วัน พูดได้เต็มปากว่าของดีอย่างแรกเลยก็คือ “เมืองเบตง” นี่แหละครับ … เบตงเป็นเมืองไม่เล็กไม่ใหญ่ ทำเลที่ตั้งเป็นแอ่งกะทะที่ล้อมด้วยภูเขา เบตงจึงมีอากาศค่อนข้างเย็นสบายตลอดปี อย่างช่วงกลางเดือนมีนาที่ผมเพิ่งกลับมานี่อากาศตอนเช้าราว 20 องศาเศษเย็นสบายเหมือนอยู่ภาคเหนือทั้งที่อยู่ใต้สุดของประเทศไทย … เบตงไม่ได้เงียบแม้ว่าอยู่ห่างไกลเมืองใหญ่ เพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของชาวมาเลย์มาก่อน แต่ตอนนี้นักท่องเที่ยวไทยกลับเยอะกว่า ผู้คนไม่ถึงกับพลุกพล่านเหมือนเมืองท่องเที่ยวเกิดใหม่ทั้งหลาย วิถีแบบชีวิตเดิมๆ ยังคงมีให้เห็นทั่วไปไม่มีการปรุงแต่งอะไรมากมาย ดูแล้วมีชีวิตชีวาแบบเดิมๆ … สิ่งที่ดูเหมือนจะแต่งแต้มให้เบตงกลายเป็นเมืองเท่ขึ้นไปก็เห็นจะเป็น street art ที่เหล่าบรรดาศิลปินฝีมือระดับแนวหน้ากว่า 60 ชีวิตที่มาช่วยกันเติมแต้มสีสันให้เมืองแห่งนี้มีชีวิตขึ้นไปอีกเสต็ป เส้นทางเดินชมก็ไม่ได้ยาก เพราะอยู่ตามตรอกซอกซอยบริเวณหอนาฬิกากลางเมืองนั่นเอง … ที่ถามกันมาเยอะเรื่องความปลอดภัย อยากบอกว่าเดินเที่ยวในเมืองแล้วรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยมาก เพราะที่นี่อยู่ห่างจากเขตที่มีเหตุการณ์ไม่สงบออกมาค่อนข้างไกล และคนเบตงก็ช่วยกันดูแลความเรียบร้อยอย่างเข้มแข็งจริงๆ เอาเป็นว่าถ้ามีโอกาส อยากให้มาตั้งแต่ตอนนี้ ตอนที่เบตงยังคงเป็นเบตงเดิมๆ แล้วจะหลงรักเบตงเหมือนกับผม
2. ธรรมชาติ
หนึ่งในเหตุผลที่ผมตัดสินใจมาเบตงก็เพราะ “ธรรมชาติ” นี่แหละ … ทะเลหมอกในเดือนมีนาคมใช่ว่าจะหาดูได้ง่ายๆ ขนาดภาคเหนือยังแทบไม่มีเลย แต่ #ที่นี่เบตง มีทะเลหมอกเสิร์ฟเกือบตลอดปี มากน้อยนั้นแล้วแต่ดวงเอ้ย แล้วแต่สภาพอากาศ 🙂 … และหนึ่งในไฮไลท์ของทริปนี้คือ #ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง อยู่ห่างจากตัวเมืองเบตงไปราว 40 นาที เส้นทางถือว่าสะดวกสบายสามารถขับรถขึ้นไปจนถึงจุดชมทะเลหมอกได้เลย มีจุดสวยๆ ให้ถ่ายภาพ 2 จุดหลักคือตรงสถานีทวนสัญญาณซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดถนน และบริเวณเนินใกล้ร้านจำหน่ายอาหารซึ่งอยู่ถัดลงมาราว 300 เมตร … ทั้งสองจุดชมวิวสามารถมองเห็นหมอกได้ 180 องศา ในวันที่หมอกหนาจะสวยงามเหมือนอยู่บนสวรรค์ ส่วนวันที่ผมหมอกค่อนข้างน้อยแต่ผมว่าสวยไปอีกแบบเพราะสามารถมองเห็นทิวเขาสลับซับซ้อนด้านล่างได้ด้วย และเมื่อแดดเริ่มสาดแสงปริมาณหมอกก็ค่อยๆ แทรกตัวไปปกคลุมทะเลภูเขา เป็นภาพที่สวยงามจริงๆ … สำหรับการเดินทางขึ้นไปชมทะเลหมอกช่วงนี้มีการปรับปรุงเส้นทางขึ้นสู่จุดชมวิว ดังนั้นอาจเสียเวลานิดหน่อยในช่วงท้ายๆ เพราะรถสวนกันลำบาก แต่เชื่อว่าเมื่อถนนเสร็จสมบูรณ์การเดินทางจะสะดวกขึ้นมาก … การไปชมหมอกติดต่อเจ้าหน้าที่องค์การบริการส่วนตำบลอัยเยอร์เวง โทรศัพท์ 0 7328 5111, 08 6288 8792 (คุณซูไฮมี มีนา)และ 08 0706 4004 (คุณกันดา หะยีมามุ)
จุดถัดมาที่อยากแนะนำคือป่า #ฮาลา-บาลา หรืออาจเรียกสลับ “บาลา-ฮาลา” ก็ได้เช่นกันเพราะเป็นผืนป่า 2 แห่งของจังหวัดยะลาและนราธิวาสที่รวมเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าร่วมกัน … การเดินทางเที่ยวป่าฮาลาบาลาจากตัวเมืองเบตงใช้เวลาราว 1 ชั่วโมงไปยังท่าเรือตาพะเยาว์ อ.ธารโต แล้วนั่งเรือไปอีกราวชั่วโมงครึ่งก็จะถึงปลายทางที่ศูนย์พิทักษ์ป่าซึ่งเป็นจุดพักทานข้าวเที่ยง วิวรอบทะเลสาบช่วงต้นเป็นป่ายางของชาวบ้านจากนั้นจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นผืนป่าดิบชื้นที่อุดมสมบูรณ์มาก ต้นไม้ขนาดใหญ่เหมือนที่เราเคยเห็นแต่ในหนังมีให้ดูเต็มไปหมด หากสังเกตดีๆ จะมีสัตว์ป่าอาทิลิง หมูป่าหรือสัตว์ขนาดใหญ่อย่างกระทิงออกมาให้เห็นด้วย นอกจากนี้ยังมีนกสารพัดสายพันธุ์รับรองว่าถูกใจคนชอบดูนกแน่ๆ แต่รูปแบบการเดินทางอาจต้องเปลี่ยนเป็นการเดินป่าแทนเพื่อให้สัมผัสกับสัตว์เหล่านี้ได้อย่างใกล้ชิด … ส่วนผู้ที่มาชมป่าแบบไปเช้าเย็นกลับแบบผมจุดที่น่าสนใจก็คือต้นสมพงขนาดใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลจากศูนย์พิทักษ์ป่า เดินลัดเลาะไปตามทางเดินป่าแบบไม่สมบุกสมบันนักราว 300 เมตรก็จะเจอต้นไม้ขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านดูยิ่งใหญ่มากๆ แต่เสียดายที่มีคนไปขีดเขียนชื่อตัวเองไว้บนต้นไม้ ก็หวังว่านักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ๆ ที่จะเข้าไปคงไม่ไปซ้ำเติมให้ต้นไม้ช้ำมากกว่านี้ … อีกจุดที่น่าสนใจคือบริเวณทุ่งกระทิงเดิมซึ่งปัจจุบันเหลือต้นใม้ใหญ่ชูกิ่งก้านอยู่เหนือทะเลสาบโดดเด่นเพียงต้นเดียว ในช่วงที่ผมไปต้นไม้บางชนิดกำลังแทงยอดอ่อนเป็นสีเหลืองหรือแดงอมชมพู สลับกับดอกเข็มป่าและไม้ดอกอื่นๆ ทำให้ป่าแห่งนี้ถูกแต่งแต้มด้วยสีสันสวยงามไม่แพ้จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีทางภาคเหนือเลย … ขากลับอาจแวะเที่ยวเกาะทวด ที่ว่ากันว่าใบ้หวยแม่นมากจนคนมาเลย์หลายคนถูกหวยร่ำรวยและต้องมาแก้บนกันอยู่เนืองๆ … จะว่าไปการเดินทางมาเที่ยวที่นี่ใช้เวลาค่อนข้างเยอะและกิจกรรมระหว่างทางยังมีไม่มากนัก หลายคนอาจรู้สึกเบื่อ แต่สำหรับผมการได้ไปเห็นความยิ่งใหญ่ของป่าที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทยเป็นอะไรที่คุ้มค่าจริงๆ … ติดต่อเที่ยวป่าฮาลาบาลาได้ที่ ป. ทรัพย์เจริญ โทร: 0872954736 ค่าเรือคนละ 500 บาท
#ล่องแก่งที่เบตง … ก็อย่างที่รู้ว่าเบตงนั้นอุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่า จึงไม่แปลกที่จะมีน้ำให้ล่องแก่งได้ตลอดปี โดยระดับความยากของแก่งที่นี่นั้นไม่มากนัก แต่ก็เพียงพอที่ทำให้ผมตกน้ำไป 3 รอบ และเรียกเสียงเฮฮากันได้ตลอดเส้นทาง เพราะลำธารขนาดใหญ่นั้นมีแก่งหินให้ได้ลุ้นเป็นระยะ … เนื่องจากก่อนเดินทางไม่ทราบว่าจะต้องมาล่องแก่งก็เลยไม่ได้เตรียมอุปกรณ์กันน้ำของกล้องมาเลยไม่ได้ถ่ายภาพ ต้องขอบคุณภาพบรรยากาศจากเพจ @จูงเมือกันเที่ยว ด้วยครับ … ติดต่อล่องแก่งได้ที่ “ล่องแก่งกำนันมนเทียร อัยเยอร์เวง” โทร 088 5052892 (นานา) หรือ 086 298 4364 ค่าบริการคนละ 500 บาท
** ขอบคุณภาพจากเพจ @จูงมือกันเที่ยว
#บ่อน้ำร้อน ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านจะเราะปะไร ตำบลตาเนาะแมเราะ ห่างจากเมืองเบตงไปราว 10 กิโลเมตร สามารถเข้าไปใช้บริการแช่เท้าได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งผมแนะนำว่าให้ไปช่วงเช้าจะได้เห็นไอหมอกลอยอยู่เหนือบ่อน้ำร้อนได้บรรยากาศกว่าไปช่วงกลางวัน ที่สำคัญอากาศช่วงเช้าในเบตงค่อนข้างเย็น ได้แช่เท้าในน้ำอุ่นๆ จะทำให้รู้สึกสบายตัวมาก
#อุโมงค์ปิยะมิตร เป็นอีกสถานที่สำคัญของเบตง แม้จะไม่ได้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติแต่ก็ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าผมเลยขอจับนำมารวมกันไว้ที่นี่ซะเลย … อุโมงค์ปิยะมิตรเป็นอุโมงค์ประวัติศาสตร์ของการรบของโจรคอมมิวนิสต์มลายา สร้างเมื่อปี 2519 กิโลเมตร แต่ก่อนมีทาง ออก 9 ทาง แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 6 ทาง ปัจจุบันถูกปรับปรุงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้กับบุคคลทั่วไปเข้าเยี่ยมชม โดยมีเจ้าหน้าที่อธิบายประวัติความเป็นมา และมีพิพิธฑภัณฑ์ขนาดเล็กแสดงข้าวของเครื่องใช้และภาพถ่ายของโจรคอมมิวนิสต์มาลายา … สำหรับอุโมงค์ปัจจุบันมีการนำปูนมาฉาบผิวหน้าไว้เพื่อป้องกันดินถล่ม เส้นทางเดินก็ง่ายๆ ไม่แคบอย่างที่คิด แถมด้านในเย็นสบายมากๆ … นอกเหนือจากเรื่องประวัติศาสตร์ผมว่าไฮไลต์ของที่นี่อยู่ตรงต้นไม้พันปีที่อยู่ใกล้ทางออกครับ ฟอร์มของต้นไม้สวยมากเหมาะกับการถ่ายภาพทำโพรไฟล์เก๋ๆ J … การเดินทางจากอำเภอเบตง ไปตามทางหลวงหมายเลข 410 เป็นระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร แล้วแยกไปตามทางลาดยางอีก 11 กิโลเมตร ค่าตั๋วเข้าชมอุโมงค์คนละ 40 บาท
ด้วยสายตาของคนชอบถ่ายภาพและท่องเที่ยวมาเยอะ ผมเชื่อว่าเบตงยังคงมีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติซ่อนตัวอยู่อีกมาก ไม่ว่าจะเป็นน้ำตก, จุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกรวมถึงผืนป่าสวยๆ หรือแม้แต่สวนผลไม้ แต่อาจยังไม่ได้รับการพัฒนาหรือคนพื้นที่เองนึกไม่ถึงว่าแหล่งท่องเที่ยวแบบนี้จะถูกใจนักเดินทาง ผมเชื่อว่าอีกไม่นานคงมีคนค้นพบว่ามันขายได้และจะได้รับการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวในที่สุด … อีกอย่างที่อยากบอกคือกิจกรรมท่องเที่ยวต่างๆ สำหรับคนไทยเพิ่งจะเริ่มเปิดให้บริการมาได้ไม่นานนัก อาจพบความไม่สะดวกสบายอยู่บ้าง แต่เชื่อว่าจะค่อยๆ พัฒนาดีขึ้นเรื่อยๆ ตามประสบการณ์ของผู้ให้บริการครับ
3. อาหารจานเด็ด
ปกติผมจะไม่ค่อยเขียนถึงเรื่องอาหารสักเท่าไหร่ แต่มาเที่ยวเบตงแล้วไม่เอ่ยถึงอาหารถือว่าพลาดการเล่าไฮไลต์ไปเลย เพราะอาหารที่นี่มีเอกลักษณ์โดดเด่นจริงๆ … อยากเล่าให้เห็นภาพรวมสักนิด อาหารของเบตงนั้นมีหลากหลายครับแต่เมนูขึ้นชื่อส่วนใหญ่เป็นอาหารจีนที่มีกลิ่นอายของมาเลย์และมุสลิมปะปนอยู่บ้าง … วัตถุดิบในเมนูเด็ดหลายอย่างเป็นผลิตผลของเบตงเอง ที่เด่นๆ คือไก่เบตง, ปลานิล, กบภูเขาและผักน้ำ นำมาปรุงในหลากหลายรูปแบบ … ราคาอาหารโดยรวมถือว่าถูกเมื่อเทียบกับเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ แถมปริมาณเยอะมาก แต่ก็มีเมนูซิกเนเจอร์อย่างปลาพวงชมพูที่ต้องสั่งล่วงหน้าเท่านั้นถึงได้ทาน แถมราคาก็พรีเมียมไม่แพ้ทุเรียนเมืองนนท์
ร้าน “ครัวต่วน”
เป็นร้านมุสลิมที่เสิร์ฟอาหารหลากหลายและรับจัดเลี้ยง วันนั้นผมไปทานรองท้องก่อนมื้อเย็นเลยขอให้ทางร้านจัดมาไม่ต้องเยอะ ได้ลองชิมสลัดผักอาเซียน, มัสมั่นเนื้อ, ยำผักน้ำเบตง… ทุกคนลงความเห็นตรงกันว่าแกงมัสมั่นอร่อยมาก รสชาติกลมกล่อมจนผมอดไม่ได้ที่จะลองบ้างทั้งๆ ที่เลิกทานเนื้อมานานแล้ว และก็ไม่ผิดหวังครับ เนื้อนุ่มและหอมเครื่องเทศ อีกอย่างที่หลายคนพูดถึงคือของหวานหน้าตาเหมือนบัวลอยมีหลายใส้อร่อยดีเหมือนกัน
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก Facebook ของร้าน https://www.facebook.com/tuankitchenbetong/
ป.ล. มัสมั่นเนื้อเป็นเมนูสั่งพิเศษนะครับ โทร 074-254494
ร้าน “บ้านคุณชาย”
เป็นร้านที่พลาดไม่ได้เลยเมื่อมาเยือนเบตง เพราะวัตถุดิบและวิธีการปรุงอาหารของที่นี่โดดเด่นและแตกต่างกับที่เคยสัมผัสมาอย่างสิ้นเชิง สำคัญมากๆ คือแต่ละเมนูอร่อยเหลือเกิน … เริ่มที่ปลานิล ปลาน้ำจืดที่ภาพในสมองของผมคือปลาตัวเล็กๆ เอาไว้ทอดกิน ไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่ปลานิลของเบตงถูกเลี้ยงในน้ำที่ไหลตลอดไม่มีกลิ่นสาบโคลนแม้แต่นิดเดียว น้ำหนัก 4-5 กิโล นำมาทำเป็นอาหารได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแกงส้มดอกดาหลา ปลาทอด หรือแม้แต่นำมาลวกทานกับน้ำจิ้มรสเด็ด เรียกได้ว่าเปลี่ยนภาพลักษณ์ของปลานิลในจินตนาการของผมไปจนหมดสิ้น เอาจริงๆ ความรู้สึกไม่แตกต่างจากเนื้อปลากะพงเลย ..นอกจากปลานิลแล้วยังโชคดีได้ลองชิม “ปลาพวงชมพู” ปลาน้ำจืดที่หาทานยากมาก ราคากิโลนึงสามพันกว่าบาทขึ้นไป มีเงินก็ใช่ว่าจะได้กินถ้าของไม่มี … เนื้อปลาพวงจะออกแนวนุ่มๆ เหมือนปลาสำลี นำมาทอดทั้งเกล็ดราดด้วยซีอิ้วอร่อยมากเช่นกัน …เมนูเด่นถัดมาคือ “ไก่สับเบตง” เมนูขึ้นชื่อของอำเภอนี้ แต่ความพิเศษของไก่เบตงที่ “บ้านคุณชาย” คือเนื้อไก่ที่แน่น หนังกรุบๆ สมกับเป็นไก่ที่ถูกเลี้ยงแบบปล่อยธรรมชาติตามแบบดั้งเดิมของเบตงจริงๆ … นอกจากนี้ก็ยังมีกบภูเขาทอด, สลักผักน้ำ และก๋วยเตี๋ยวราดหน้าเส้นกรอบที่ทุกเมนูล้วนอร่อยถูกปากทุกจาน
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก Facebook ของร้าน https://goo.gl/Dnsxup
โทร 084 692 8074
ร้าน “นพดล ฟิชชิ่ง”
เป็นอีกร้านในเบตงที่ทำให้รู้ว่าปลาน้ำจืดรสชาติดีไม่มีกลิ่นคาวนั้นมีอยู่จริง ที่นี่เสิร์ฟเมนูที่ทำจากปลานิลตัวใหญ่สดๆ ไม่ว่าจะเป็นปลานิลเผาเกลือ ปลานิลทอดราดสมุนไพรสูตรเด็ด และที่ผมชอบมากคือเกี๊ยวปลานิล ซึ่งไม่เคยทานที่ไหนมาก่อน รสชาติอร่อยจนโต๊ะผมต้องขอเบิ้ลกันเลยทีเดียว … ร้านนี้ตั้งอยู่นอกเมืองบรรยากาศดี อยู่ริมบึงที่เลี้ยงปลานิลเลย ใครชอบตกปลาจะมาใช้บริการก็ได้นะครับ นับเป็นอีกกิจกรรมที่น่าสนุกเลยล่ะ
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก Facebook ของร้าน https://www.facebook.com/NoppadolFishing/
หรือโทร 089 925 9509
ร้าน “ต้าเหยิน”
ร้านดังของเมืองเบตง ทำเลกลางเมือง … เดินเข้าไปก็รู้เลยว่าไม่ผิดหวังแน่เพราะคนเต็มร้าน สไตล์อาหารเป็นแบบจีน พนักงานทำงานคล่องแคล่วฉับไวตามแบบฉบับร้านที่รับจัดเลี้ยง เมนูที่ได้ชิมมีไก่สับเบตง, ผัดหมี่เหลืองเบตง, ปลาจีนนึ่งซีอิ้ว, แกงจืดลูกชิ้นแคระ ที่เอ่ยมาอร่อยทุกเมนู แต่ไฮไลต์สำหรับผมของยกให้กับเคาหยกและผัดถั่วฝักยาวก้านอวบๆ ครับ … วันต่อมาทางร้านฝากหมูกรอบย่างมาให้ทานระหว่างวันด้วย เป็นอีกเมนูที่เชียร์สุดตัว สไตล์คล้ายหมูย่างตรังแต่รสชาติจะละมุนไม่หวานเหมือนของตรังครับ
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก Facebook ของร้าน https://goo.gl/F6aTMz
โทร 073 230 461
“ไทซีฮี้” ติ่มซำ
ตั้งอยู่ใกล้ปากทางอุโมงค์ในเมืองเบตง เป็นติ่มซำแบบนึ่งสดมีหลากหลายเมนูที่เรียกไม่ถูกแต่กินไม่เหลือ 555 … รายการแปลกๆ เป็นเหมือนเส้นก๋วยเตี๋ยวหน้าตาดูแล้วจืดๆ แต่พอชิมโอ้โหว อร่อยเว้ยเห้ย ชื่อจวี้เฉวี่ยงฝันแนะนำเลยนะ … เครื่องดื่มร้อนที่เสิร์ฟเป็นกาที่นี่ก็แปลกดีเพราะมีส่วนผสมของสมุนไพร 3-4 ชนิดยิ่งเติมน้ำหลายรอบยิ่งออกรสชุ่มคอมากขึ้น ผมนี่เติมไปซะหลายรอบเลย
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก Facebook ของร้าน https://goo.gl/d9HjqA
โทร 087 323 0507
ภัตาคารเชียงการีล่า
เป็นภัตาคารที่เสิร์ฟอาหารจีนเป็นหลัก ตั้งอยู่กลางเมืองเบตงเช่นกัน รายการอาหารแต่ละอย่างล้วนแล้วแต่อร่อยถูกปากทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นซี่โครงหมู, ซุปหูฉลาม, ทะเลหม้อดิน, ปลาจีนทอดราดซอส, และที่ชอบมากคือ มะเขือยาวฮู่หนานและซุปผัก … เป็นอีกมื้อที่อิ่มอร่อยมากๆ จนผมคิดว่าถ้ามาอยู่เบตงคงไม่สามารถควบคุมน้ำหนักได้แน่ๆ
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก Facebook ของร้าน https://goo.gl/r63xrV
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร 087 323 0014
เฉาก๊วยเบตง กม. 4
จะมาทานเฉาก๊วยร้านนี้ต้องโทรสั่งล่วงหน้านะ ไม่งั้นท่านอาจผิดหวังเพราะทำกันสดๆ วันต่อวันในปริมาณที่ไม่เยอะนัก จุดเด่นคือกลิ่นหอมจากการใช้ฟืนต้มหญ้าเฉาก๊วย ได้วุ้นสีดำนุ่มๆ แต่ไม่ถึงกับหนึบเท่าเฉาก๊วยที่เคยทาน ที่ร้านก็เลยเรียกว่าวุ้นดำทานกับน้ำแข็งบดเย็นชื่นใจดีแท้ ..
ข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก Facebook ของร้าน https://goo.gl/2GTmvd
โทร 063 965 9499
รวมมิตรเบตง
ไม่ได้หมายถึงรวมมิตรที่เป็นของหวานนะครับ แต่หมายถึงอาหารหลากหลายจากร้านเล็กร้านน้อยในเบตง ที่โกเอ็กซ์เจ้าถิ่นเบตงนำมาให้พวกเราได้ชิมกันก่อนกลับ ทำให้ผมยิ่งมั่นใจว่าอาหารเบตงเค้าอร่อยจริงๆ ไม่จำเป็นต้องเป็นร้านใหญ่ ร้านดัง แต่ร้านเล็กๆ ริมทางก็มีเมนูอร่อยให้ทานเพียบ ที่สำคัญราคาไม่แพงเลยครับเมื่อเทียบกับภูเก็ตบ้านผม อาหารเบสิคอย่างหมี่ก็ห่อละ 40 บาทเท่านั้น โกเอ็กซ์ซื้อมา 2 ห่อผมว่าทานกัน 3-4 คนยังได้เลย … อาหารที่อยู่บนโต๊ะให้พวกเราเลือกชิมกันวันนี้มีหมี่ผัด, ลูกชิ้นแคระ, ขนมกุ้ยช่าย, หมูย่างจากร้านต้าเหยิน, บะกูดเต๋, กระเพาะปลา, ไก่สับเบตงของร้านบ้านคุณชาย (request พิเศษเพราะติดใจตอนกินวันแรก) แถมด้วยกล้วหินต้ม เรียกว่าแทบจะยกเบตงมาไว้บนโต๊ะกันเลยทีเดียว
โดยสรุปต้องบอกว่าเบตงนั้นโดดเด่นเรื่องอาหารมาก ขนาดผมไม่ใช่สายกิน ยังรู้สึกสนุกกับการชิมอาหารที่นี่เลย เพราะนอกจากรสชาติดีแล้วยังสัมผัสได้ถึงคุณภาพของวัตถุดิบท้องถิ่นที่สดใหม่… นอกจากอาหารคาวแล้วจะบอกว่าพวกโรตีรวมถึงผลไม้อย่างส้มเบตงก็อร่อยมากเช่นกัน ดังนั้นจะไปเที่ยวเบตง อย่าลืมเตรียมกระเพาะไปรับมือเมนูเด็ดของแต่ละร้านด้วยนะครับ ไม่งั้นถือว่ามาไม่ถึงเบตง
และนี่คือความรู้สึกของคนที่ไปเยือนเบตงครั้งแรก และเชื่อว่าจะต้องมีครั้งที่สอง, สามตามมาอีกแน่ๆ อยากให้คนไทยได้ไปสัมผัสเบตงกัน ผมมั่นใจจะหลงรักที่นี่เหมือนกับผมเพราะ #เบตงยิ่งกว่าโอเค
เรื่องน่ารู้ของเบตง
- แม้เบตงจะอยู่ในเขตสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่เนื่องจากพื้นที่ค่อนข้างแยกตัวออกมาเป็นเอกเทศ ทำให้ไม่ได้มีระดับปัญหาด้านความปลอดภัยมากมายเหมือนกับหลายๆ พื้นที่
- การเดินทางจากหาดใหญ่ไปยังเบตง สะดวกสุดคือการนั่งรถตู้ผ่านเส้นทางประเทศไทย แต่ถ้าอยากนั่งสบายต้องติดต่อ taxi วิ่งผ่านประเทศมาเลเซียซึ่งเส้นทางตรงกว่า ซึ่งวิธีนี้ต้องติดต่อเป็นกรณีๆ ไปและต้องใช้ passport เพื่อเข้า-ออก ไทย-มาเลเซีย
- อยากรู้เรื่องเบตงเพิ่มเติม โทร 0616541519 สอบถามได้จากโกเอ็กซ์ ชาวเบตงรักบ้านเกิดผู้ทุ่มเทให้กับการปั้นเบตงให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแนวหน้าของเมืองไทย