หลังจากที่ได้ขับรถเที่ยวชมเส้นทางอันสวยงามของหลายประเทศของยุโรปฝั่งตะวันออก 2 ปีติดกันแล้ว ปี 2013 จึงวางแผนขับรถเที่ยวยุโรปอีกครั้ง โดยปีนี้เป็นเส้นทางฝั่งตะวันตกได้แก่กลุ่มประเทศ Benelux อันได้แก่ Luxembourg, Belgium, Netherlands หรือที่หลาย ๆ คนเรียก Holland … แต่ไหน ๆ เสียค่าตั๋วเยอะแล้วก็เลยรวมเอาเมืองท่องเที่ยวใกล้เคียงอันได้แก่แคว้น Alsace ของฝรั่งเศส และ Black forest ของเยอรมันเข้าไปด้วย อันที่จริงตามแผนเดิมจะขับเลยไปถึงเกาะ Mainau ชายแดน Swiss โน่นเลย แต่ด้วยอากาศอันหนาวเหน็บของปี 2013 ไม่เป็นใจให้ดอกไม้บนเกาะบานเหมือนที่ควรจะเป็น ก็เลยต้องตัดออกไปแล้วไปเพิ่มเวลาใน Black forest แทน
แม้จะมีการเข้าออกหลายประเทศ แต่เนื่องจากทั้งหมดอยู่ในกลุ่มประเทศยุโรปที่สามารถใช้ Schengen Visa ได้ ดังนั้นผมจึงขอ VISA จากกงสุลเยอรมันที่ภูเก็ต ทำให้ไม่ต้องเดินทางไปกรุงเทพ ฯ ให้เสียเวลา และเจ้าหน้าที่ที่นี่ก็บริการดีมาก ๆ ด้วย (ทริปปีก่อนหน้า Germany + Austria + Czech ก็ขอจากที่นี่เช่นกัน) ส่วนค่าใข้จ่ายนั้นมากกว่าการขอที่กรุงเทพฯ พอสมควรแต่ก็ดีกว่าต้องนั่งเครื่องไปกลับแน่นอน
เส้นทางการขับรถของทริปนี้จึงใช้ concept เดิมคล้าย ๆ ทริปก่อน ๆ คือขับเป็นวงผ่านจุดท่องเที่ยว โดยเริ่มจาก 3 วันใน Netherlands ตามมาด้วย 2 วันกับ 3 เมืองใน Belgium ต่อด้วยช่วงเวลาสั้น ๆ ในประเทศเล็ก ๆ อย่าง Luxembourg แล้วขับเลาะชายแดนฝรั่งเศสเพื่อเที่ยว 2 เมืองสวยของแคว้น Alsace จากนั้นจึงข้ามชายแดนไปเยอรมันแล้วขับย้อนกลับขึ้นไปยัง Netherlands อีกครั้ง … สำหรับจุดท่องเที่ยวหลักและเส้นทางสามารถดูได้จาก link นี้เลยครับ
ทริปนี้เลือกช่วงเวลาต้นเดือนเมษายนไปจนถึงกลางเดือน เนื่องจากติดวันหยุดหลายวัน ไม่ต้องลางานมาก (งกวันลาว่างั้นเหอะ) และช่วงนี้ปกติแล้วดอกทิวลิปที่ Netherlands กำลังบานสะพรั่ง อีกทั้งดอกไม้จำพวกดอก Apple, Cherry, Almond ก็จะพร้อมใจกันบานสวยงามไม่แพ้ซากุระเลย แต่ปีนี้อากาศหนาวเย็นยาวนานกว่าปกติมาก ขนาดต้นเดือนเมษาซึ่งปกติอุณหภูมิแถบนั้นจะอยู่ราว ๆ 10 กว่าองศา แต่ปีนี้ช่วงที่ผมไปยังอยู่ที่ 1-2 องศาเท่านั้น ทำให้การบานของดอกไม้ช้ากว่าปกติมาก แต่ในเมื่อทุกอย่างถึงเตรียมไว้หมดแล้ว ทริปก็ต้องดำเนินต่อไป (ไม่อยากบอกเลยว่าก่อนไปไหว้พระบนบานทุกวัน ระหว่างทริปก็เช่นเดียวกัน แต่ลืมไปว่าพระที่โน่นคงฟังภาษาไทยไม่ออกก็เลยช่วยได้ไม่เต็มที่ อิอิ
การเดินทางไปยุโรปรอบนี้เข้าออกประเทศ Netherlands ซึ่งสายการบินที่เลือกใช้คือ EVA Air ซึ่งบินตรงจากกรุงเทพฯ เลยโดยไม่ต้องแวะ แต่เหตุผลจริง ๆ ไม่ใช่บินตรงหรอกแต่เป็นเพราะราคาตั๋วโปรโมชั่น 29,xxx มากกว่า อิอิ … อันที่จริงก็มีสายการบินอื่นที่น่าสนใจเช่น KLM ของ Netherlands ซึ่งบินตรงและราคาไม่ต่างกันมากกนัก … ข้อเสียของ EVA คือจะเดินทางถึง Amsterdam เมืองหลวงของ Netherland ช่วงค่ำ ทำให้ต้องเสียที่พัก 1 คืน แต่ก็ได้รับการชดเชยด้วย Flight กลับเกือบ 4 ทุ่ม ทำให้มีเวลาเที่ยวในวันกลับแบบเต็มวัน หากเพื่อนๆ จะเลือกสายการบินก็ลองพิจารณาตรงนี้ด้วยนะครับ
สำหรับการเดินทางตลอดทริปใช้การเช่ารถขับ ซึ่งบอกได้เลยว่าที่ Netherlands นี่หาตามที่ต้องการยากที่สุดเท่าที่เคยหามา เดิมทีผมอยากไปกัน 6-8 คนโดยเช่ารถกึ่ง VAN (พวก Benz Vito) แต่ปรากฏว่าที่นี่หารถเกียร์ออโต้ที่บรรทุกเกิน 5 คนไม่ได้ ก็เลยจำใจต้องตัดจำนวนคนในทริปเหลือ 5 คนเท่านั้น รถที่ได้ก็เป็นรถขนาดกลางที่เน้นให้บรรทุกสัมภาระของพวกเราทั้ง 5 คนได้เพียงพอ แน่นอนว่าทริปนี้ขอความร่วมมือจากลูกทัวร์ทุกคนให้ใช้กระเป๋าเดินทางขนาดไม่เกิน 24 นิ้วไม่งั้นคงได้มีการนั่งบนหลังคาแน่ ๆ หุหุ … และที่ขาดไม่ได้คือเจ้า GPS ครับ ปกติแล้วรถที่เช่ามี GPS ติดมาด้วยแต่ใช้ได้เฉพาะ Benelux แต่ผมทะลึ่งขับออกไปฝรั่งเศสกับเยอรมันด้วยก็เลยต้องเสียตังค์เพิ่มเช่า GPS เพิ่มอีกตัวนึงเพื่อให้ครอบคลุมเส้นทางทั้งหมด
ที่พักสำหรับปีนี้เน้นไปที่ประเภท Bed & Breakfast หรือไม่ก็ Apartment เพราะจะได้รู้สึกใกล้ชิดกับชีวิตความเป็นอยู่ของคนพื้นที่ได้มากกว่า มีเพียง 2 แห่งเท่านั้นที่เลือกเป็นโรงแรมเพราะหาที่พักดังกล่าวในทำเลที่ต้องการไม่ได้ ซึ่งก็ไม่ผิดหวังครับเพราะที่พักเกือบทั้งหมดกว้างขวางสะดวกสบาย และรู้สึกอบอุ่นกว่าการพักโรงแรม อีกทั้งหลาย ๆ ที่มีครัวและห้องนั่งเล่นส่วนกลางทำให้สามารถทำอาหารทานเองและพูดคุยระหว่างกลุ่มเพื่อน ๆ ได้อย่างสะดวกอีกด้วย ข้อเสียอย่างนึงของการเช่าที่พักประเภทนี้คือบางครั้งจะมีห้องน้ำเพียง 1 ห้องทำให้ต้องจัดคิวกันให้ดี ไม่เช่นนั้นจะเสียเวลาหรือไม่ก็ต้องรอปลดทุกข์กันจนหน้าเขียว อิอิ
เรื่องปากเรื่องท้องของทริปนี้ใช้ concept เดียวกับทริปก่อน ๆ เช่นกันคือเตรียมอาหารบางส่วนจากเมืองไทย เพื่อไปทานเป็นบางมื้อระหว่างเดินทางรวมถืงบางมื้อที่มีครัวให้ประกอบอาหาร ส่วนอาหารเช้าส่วนหนึ่งรวมอยู่ในค่าที่พักแล้ว และที่ขาดไม่ได้คือบางมื้อเราทานกันอย่างเต็มที่ในร้านอาหารท้องถิ่นเพื่อให้ได้สัมผัสกับบรรยากาศและรสชาติอย่างใกล้ชิด
เกริ่นมายืดยาวแล้ว ได้เวลาเริ่มทริปจริง ๆ เสียที …. ติดตามอ่านตอนต่อไปได้เลยครับ … ส่วนเพื่อน ๆ ที่ต้องการรายละเอียดของแต่ละห้วข้อข้างต้น ผมสรุปไว้ด้านล่างนะครับ
Itinerary
Day 1 : ถึง Armsterdam ค่ำ ๆ พักที่ Zaandam ใกล้กับ Amsterdam
Day 2 : Day trip broek in water land, Marken, Volendam, Zaanse Schans พัก Zaandam
Day 3 : Day trip Giethoorn พัก Zaandam
Day 4 : เที่ยวเมือง Amsterdam บ่าย ๆ เดินทางไป Belgium พักที่ Ghent
Day 5 : Day trip เมือง Brugge แล้วกลับมาถ่ายภาพแสงตอนเย็นที่ Ghent พักที่ Ghent อีกคืน
Day 6 : ออกเดินทางไป Luxembourg โดยแวะเที่ยว Brussel พักเมือง Arlon ใกล้ Belgium
Day 7 : เที่ยวเมือง Luxembourg แล้วเดินทางไป Colmar แวะเมือง Riquewihr พัก Colmar
Day 8 : เที่ยวเมือง Colmar แล้วเดินทางเข้าสู่เขต Black forest พัก St. Basien ในเขต Black forest
Day 9 : เที่ยวเมืองเล็ก ๆ และขับชมเส้นางสวย ๆ ในเขต Black forest แล้วเดินทางไปพักเมืองเล็ก ๆ ใกล้ Strasbourgh
Day 10 : ไปชมซากุระ (Almond blossom) ที่เมือง Gimmeldingen แล้วเดินทางต่อไปยัง Monschau พัก Monschau
Day 11 : เดินชมเมือง Monschau แล้วขับรถกลับไปยัง Amsterdam พักในเมือง Amsterdam
Day 12 : เที่ยวสวนทิวลิป Keukenhof แล้วคืนรถที่สนามบินช่วงค่ำ เดินทางกลับกรุงเทพ ฯ
VISA
ขอ VISA Schengen จากสถานกงสุลเยอรมันจังหวัดภูเก็ต ค่าใช้จ่ายรวม 5210 บาท ถ้าขอที่กรุงเทพ ฯ จะมีเฉพาะค่าธรรมเนียมประมาณ 3,000 บาท (อาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นกับอัตราแลกเปลี่ยน) ทั้งนี้เพื่อความสะดวกจะต้องกรอกเอกสาร online ที่ https://videx.diplo.de ส่วนการเตรียมเอกสารต่าง ๆ สามารถอ่านได้ที่ http://www.thetalenttravel.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539435354&Ntype=18
สายการบิน
สายการบิน EVA air ผ่าน website http://evaair.com/en-global/index.html ได้โปรโมชั่นไปกลับที่ราคา 29,xxx บาท บินตรงไปลงสนามบิน Schiphol ที่ Amsterdam เวลาประมาณ 1 ทุ่มเศษ และกลับจากสนามบินเดียวกันเวลา 3 ทุ่มเศษ
ที่พัก
Amsterdam (Zaandam)
ผมพัก 3 คืนที่ Zaansekoopmanshuis ซึ่งเป็นบ้านแบ่งเช่าอยู่ในเขต Zaandam ห่างจากตัวเมือง Amsterdam ออกมาราว 20 กม. เนื่องจากผมต้องการที่พักที่มีที่จอดรถและไม่ต้องการขับรถในเมืองมากนัก อีกทั้งสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่อยู่นอกเมืองจึงใช้ทีนี่เป็นศูนย์กลางท่องเที่ยวในประเทศ Netherland … ที่พักของที่นี่ห้องหนึ่งเรียกว่า Apartment มีห้องน้ำและครัวในตัว กว้างขวางดี อยู่ได้สูงสุด 3 คน (1 เตียงเสริม) อีกห้องเรียก Guestroom เป็นห้องใต้หลังคามี 2 เตียง มีห้องน้ำส่วนตัวอยู่หน้าห้องแต่ไม่มีครัว คุณลุงคุณป้าเจ้าของบ้านอัธยาศัยดีและให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาก อีกทั้งจากบ้านพักสามารถเดินไปแหล่งท่องเที่ยว Zaanse Schans โดยใช้เวลาราว 15 นาทีเท่านั้น ราคาที่พักสำหรับ 3 คืนขึ้นไปอยู่ที่ 200 Euro ต่อวันรวมอาหารเช้าสำหรับ 4 คน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.zaansekoopmanshuis.nl/index-en.php
Ghent
ผมเลือก Ghent เป็นศูนย์กลางเที่ยว Belgium เนื่องจากอยู่ตรงกลางระหว่าง Brugge และ Brussel โดยระยทางที่ขับเมืองข้างเคียงใช้เวลาไม่เกิน 1 ชม. ที่พักอยู่ห่างออกจากใจกลางเมืองเล็กน้อย แต่ก็สามารถเดินเข้าไปเที่ยวในเมืองได้โดยใช้ระยะเวลาเดินประมาณ 15 นาที หรือจะขับรถเข้าไปจอดในที่จอดรถใกล้ใจกลางเมือง (ให้ GPS ช่วยหาให้) ก็จะเสียค่าจอดประมาณ 2-3 Euro
ที่พักชื่อ Design Breakfast เป็นบ้านแบ่งห้องให้เช่าเช่นกัน เจ้าของเป็นศิลปินจึงตกแต่งห้องไว้สวยงาม ห้องกว้างขวางดี แต่อยู่ชั้น 3 ต้องขึ้นบันไดสูงพอสมควร (ที่โน่นจะเรียกว่าชั้น 2) อีกทั้งห้องน้ำต้องแชร์กันสำหรับ 3 ห้องพักซึ่งอยู่บนชั้นเดียวกัน ถ้าวางแผนดี ๆ ก็ไม่มีปัญหาอะไร … อาหารเช้าทานในครัวชั้นล่างสุด โดย An เจ้าของบ้านจะเตรียมให้ ซึ่งเป็นอาหารเช้าแบบพื้น ๆ ของยุโรปไม่มีอะไรพิเศษ ราคาห้องพัก 90 Euro ต่อห้องต่อคืนรวมอาหารเช้า มีโรงรถให้ด้วยแต่ต้องแจ้งล่วงหน้า ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ http://www.designandbreakfast.be/
Luxembourg
ผมเลือกพักที่เมือง Arlon ชื่อ Romantic Harmony House ซึ่งอยู่ห่างจาก Luxembourg ราว ๆ 30 กม. เพราะไม่อยากพักในเมือง ที่พักเป็นบ้านแบ่งเช่า ซึ่งเราจอง 3 ห้องจากทั้งหมด 4 ห้อง เจ้าของบ้านชื่อ Piere เป็นหนุ่มอารมณ์ดี ให้ความช่วยเหลืออย่างดี ทางขึ้นลงค่อนข้างแคบและชันแต่ห้องพักก็สะดวกสบายและสะอาดดี ราคาไม่แพงเพียง 110 Euro สำหรับ 5 คน (3 ห้อง) ทั้งนี้มีครัวและห้องนั่งเล่นให้ด้วย ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
http://www.bedandbreakfast.eu/bed-and-breakfast/arlon/arlon-bb-romantic-harmony-house/77025
Colmar
ที่ Colmar ผมพักกับโรงแรม Turene ซึ่งอยู่ห่างจากใจกลางเมืองนิดหน่อย เป็นห้องพักแบบ Family room พักได้ 5 คน ในห้องแทบไม่มีอะไรให้เลย (ชา, กาแฟ, กาน้ำร้อน) และต้องเสียค่าที่จอดรถเพิ่ม 7 Euro สำหรับ 24 hrs ซึ่งผมไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่เพราะห้องเล็ก แต่ความสะอาดก็ถือว่า OK อีกทั้งทำเลก็จัดว่าสะดวกสบายพอสมควร สำหรับโรงแรมนี้ผมจองผ่าน booking.com ลอง search หาชื่อดูได้เลยครับ
Black forest
ที่นี่ผมจองแบบ last minute มาก ๆ เพราะต้อง cancel ที่พักใกล้ ๆ เกาะ Mainau เนื่องจากดอกไม้ยังไม่บาน จึงเปลี่ยนโปรแกรมไปเที่ยว Black forest แทน และเลือกที่พักที่นี่เพราะอยู่ตอนล่างของ Black forest และไม่ไกลจากสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ มากนัก … ที่พักเป็นแบบห้องแบ่งเช่าเช่นกัน มี 2 ห้องนอน พักได้สูงสุด 6 คน มีครัวและห้องนั่งเล่น อบอุ่นบรรยากาศดีเพราะอยู่ในเขตชนบท เจ้าของบ้านชื่อ Maria ใจดีมาก พูดภาษาอังกฤษไม่ดีนักแต่สื่อสารได้เข้าใจและรับรู้ได้ถึงความใจดีของเธอ เนื่องจากเราพักเพียง 1 คืนค่าเช่าจึงสูงหน่อยที่ 175 Euro สำหรับ 5 คนไม่รวมอาหารเช้า ทั้งนี้ผมจอง Airbnb เพราะมีระบบการชำระเงินที่สะดวก แต่ถ้าเพื่อน ๆ อยากจองตรงลองดูข้อมูลได้ที่ http://www.fewo-hausmaria.de/
Strasbourg
ที่พักที่นี่อยู่ชายแดนฝรั่งเศสกับเยอรมัน นับเป็นที่พักระหว่างทางจาก Black forest ไปยัง Monschau ซึ่งอยู่ที่เมืองเล็ก ๆ ใกล้ Strasbourg เป็นที่พักแบบ Apartment 3 ห้องนอน หรูหราทีเดียว มีห้องนั่งเล่นและครัวกว้างขวาง ห้องนอน 3 ห้องพักได้ 6 คน มีห้องน้ำ 2 ห้องทำให้สะดวกกว่าที่อื่น ๆ ราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้เพียง 159 Euro ไม่รวมอาหารเช้า ข้อเสียอย่างเดียวคือ internet ใช้ได้พร้อมกันครั้งละ 2 connection เท่านั้นและดูเหมือน social media พวก facebook กับ youtube จะโดน block ไม่ให้เข้า … เจ้าของเป็นชาวฝรั่งเศสพูดเก่งมากแต่ส่วนใหญ่พูดฝรั่งเศส (มันก็น่าจะรู้ว่าเราฟังไม่ออกแต่ก็พูดไม่หยุด 555) โดยรวมก็ถือว่าประทับใจครับ แต่ถ้าพักหลายคืนคงอึดอัดไม่เบาเพราะเข้า facebook ไม่ได้ อิอิ … สำหรับที่นี่ผมจองผ่าน booking.com ชื่อ La Maison du Tigre
Monschau
ที่พักชื่อ Haller Hotel Garni … ที่นี่ผมจองผ่าน booking.com เช่นเดียวกัน เป็นลักษณะกึ่งโรงแรม โดยมีพนักงาน standby ถึงช่วงเย็นเท่านั้น ดังนั้นการ check in หลังจากนั้นต้องโทรไปเรียกคนมาเปิดประตู (หากไม่เปิด roaming ไปก็ลำบากหน่อย) ซึ่งก็จะมีคนมาเปิดให้ในเวลาประมาณ 5 นาที … ห้องพักสะดวกและสะอาดดี มีแบบห้องเดี่ยวและห้องคู่มีห้องน้ำในตัวโดยมี amenities ในห้องเหมือนโรงแรมทั่วไป ราคารวมอาหารเช้าสำหรับ 3 ห้อง (2 double + 1single) อยู่ที่ 188 Euro รวมอาหารเช้า … จากบ้านพักเดินเข้าเมืองผ่านบรรยากาศสบาย ๆ ใช้เวลาราว 10 นาที … นอกจากนี้เจ้าของโรงแรมยังเป็นเจ้าของร้านอาหารในเมืองอีกด้วย ผมเลยถือโอกาสอุดหนุนร้านอาหารด้วยซึ่งรสชาติผ่าน ราคาก็ไม่แพง อยู่ตรงจุดถ่ายภาพมหาชนนั่นแหละชื่อเดียวกับโรงแรมคือ Haller Restaurant
Amsterdam (อีกครั้ง)
เนื่องจากคืนสุดท้ายเรากลับมาพัก Amsterdam อีกครั้งเนื่องจากเรามีเวลากลางวันเดินทางกลับอีกทั้งวัน ซึ่งเดิมทีตั้งใจจะเที่ยวเมือง Amsterdam จึงเลือกที่พักใกล้เขตเมืองกว่า 3 คืนแรก แต่ภายหลังเปลี่ยนแผนไปเที่ยว Keukenhof แทน … ที่พักที่นี่เป็นบ้านแบ่งเช่าเช่นกัน อยู่ชั้น 2 ของบ้าน (ที่โน่นเรียกชั้น 1) มี 2 ห้องนอนกับเตียงเสริมตรงห้องนั่งเล่น มีครัวให้ ซึ่งกว้างขวางสะดวกสบายดี ข้อเสียก็ตรงที่ไม่มีที่จอดรถให้ ทำให้ต้องเสียค่าจอดรถใกล้บ้านสูงถืง 27 Euro สำหรับ 24 ชม. นับว่าแพงมหาโหดทีเดียว แต่เพื่อความสะดวกก็เลยไม่มีทางเลือก
รถเช่า
BB&L เป็นของบริษัทท้องถิ่น ให้บริการดี รถราคาไม่แพงและเงื่อนไขยืดหยุ่นกว่าบริษัท inter ลองเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ http://www.bblcarrental.nl/ สำหรับรุ่นที่ผมเลือกเป็น Renault Scenic III เกียร์ Automatic ราคาวันละ 45 Euro รวม 11 วัน + ค่าเดินเนินการส่ง-รับที่สนามบิน 38 Euro + ค่า GPS 40 Euro รวม 573 Euro ทั้งนี้ราคาในแต่ละช่วงเวลาอาจไม่เท่ากัน ลองศึกษาดูจากใน website นะครับ
สำหรับรีวิวทั้ง 7 ตอน click จาก link ด้านล่างได้เลยครับ
- เปิดทริป … ท้าลมหนาวที่เนเธอร์แลนด์ (Netherlands – Amsterdam, Zaanse Schans, Broek in waterland, Marken, Volendam, Amsterdam, Giethoorn)
- Belgium – ที่นี่ไม่ได้มีดีแค่ ช็อกโกเลต กับ วัฟเฟิล (Brugges, Ghent, Brussel)
- Luxembourg น้องเล็กแห่ง Benelux (Luxembourg)
- บุกป่าฝ่าดงในฝรั่งเศสสู่ Riquewihr & Colmar (Riquewihr, Colmar)
- มนต์ป่าดำ “Black forest” (St. Blasien, Titisee, St. Peter, St. Margen, Triberg)
- จาก Gimmeldingen ถึง Monschau (Gimmeldingen, Monschau)
- Keukenhof … “เราจะเจอกันอีกครั้ง” (Keukenhof)












Hello. I see that you don’t update your page too often. I know that writing posts is time consuming and
boring. But did you know that there is a tool that allows you to create new articles using existing content (from article
directories or other blogs from your niche)? And it does it very well.
The new articles are unique and pass the copyscape test. You should try miftolo’s tools
9MOT : สำหรับรีวิวนี้เป็น Nikon D7000 ครับ
ใช้กล้องอะไรถ่ายคะ สวยมาก กำลังวางแผนจะไปช่วงเดือนพฤษภา ขอบคุณรีวิวดีๆค่ำ
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณมากสำกรับทริบสวยๆ กำลังจะไปเที่ยวพอดี ไม่มราบว่าจะรบกวนขอรายละเอียดทริบได้หรือเปล่าคะ จะไปกัน3คนพ่อแม่ลูกค่ะ
รบกวนด้วยนะคะ กำลังตัดสินใจระหว่างเช่ารถกับใช้รถไฟในการเดินทางค่ะ
9MOT-ถ้าหมายถึงเมือง Arlon ก็ใช่ครับ จองผ่าน Bedandbreakfast ได้เลย ทั้งนี้ก็เป็นการคุยตรงกับเจ้าของบ้านนะครับ … ส่วนเมืองอื่น ๆ ผมก็จองผ่าน airbnb บ้าง booking.com บ้าง ถ้าสามารถหา e-mail เจ้าของบ้านได้ก็จะจองตรงครับ อย่างไรก็ตามบางบ้านต้องการมัดจำซึ่งถ้าเราโอนไปจะไม่คุ้มหากไม่ได้จ่ายผ่าน paypal ดังนั้นตัวเืลือกที่ดีที่สุดคือ airbnb เพราะมีระบบจัดการเรื่องการชำระเงินที่สะดวกกับทั้งสองฝ่ายครับ
สามารถจองที่พักผ่าน http://www.bedandbreakfast.eu/ ได้เลยใช่มั้ยคะ ^^
สวยจังเลย