ต่อจากตอนที่แล้ว… “Belgium – ที่นี่ไม่ได้มีดีแค่ ช็อกโกเลต กับ วัฟเฟิล” … จากที่พักเมืองใน Arlon ซึ่งอยู่บริเวณชายแดนของเบลเยียม ติดกับฝรั่งเศสและลักแซมเบิร์ก ใช้เวลาขับรถไม่นานบนเส้นทางราว 30 กม.เศษก็เข้าสู่เขตเขตเมืองหลวงประเทศ Luxembourg ซึ่งชื่อเมืองหลวงก็ใช้ชื่อเดียวกันกับชื่อประเทศนั่นเอง …. ก่อนจะไปยังที่จอดรถ เราแวะเติมน้ำมันเต็มถัง เพราะทราบมาว่าที่ Luxembourg ราคาน้ำมันถูกที่สุดในประเทศแถบนี้ ซึ่งก็เป็นความจริงครับ ถูกกว่าที่ Netherlands มากทีเดียว
เมื่อเติมน้ำมันแล้วก็มุ่งหน้าตรงไปยังที่จอดรถ ซึ่งอยู่ห่างจากจุดศูนย์กลางท่องเที่ยวออกมาเล็กน้อย ที่นี่รองรับรถได้หลายร้อยคันและค่าจอดรถก็ไม่แพงมากนักเมื่อเทียบกับที่จอดรถใจกลางเมือง … ผมหยอดเหรียญซื้อตั๋ว 5 ชั่วโมงสำหรับการเดินเที่ยวชมเมือง เมื่อนำตั๋วมาวางไว้หน้ารถแล้วก็เดินเข้าเมืองกัน ซึ่งระหว่างทางจะผ่านสวนสาธารณะที่กำลังมีดอกไม้เล็ก ๆ ชูดอกออกมาต้อนรับพวกเราเป็นหย่อม ๆ ซึ่งผมก็ใช้เวลาเกลือกกลิ้งถ่ายภาพอยู่พักใหญ่ นี่ถ้าเข้าสู่หน้าร้อนเต็มที่สวนแห่งนี้คงมีสีสันสวยสดอย่างไม่ต้องสงสัย
ดอกไม้ในสวนที่กำลังเริ่มผลิดอก
ก่อนถึงเขตเมืองเก่าเล็กน้อยก็เป็นแหล่งของร้านค้า ทั้งแบรนด์เนมและของที่ระลึกเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ เนื่องจากยังค่อนข้างเช้าร้านบางแห่งยังไม่เปิดทำการ ผมจึงขอติดสาว ๆ ไว้ค่อยมาอีกครั้งหลังจากเดินชมเมืองแล้ว … จากที่จอดรถใช้เวลาเดินราว 15 นาทีก็เข้าสู่เขตเมืองเก่า ซึ่งผมก็แวะเข้าไปขอแผนที่และข้อมูลท่องเที่ยวที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวซึ่งตั้งอยู่ตรงลานกลางเมืองนั่นเอง ที่ลานนี้ยังเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์ Grand Duke William II ซึ่งเป็นดยุคองค์แรกของ Luxembourg … เมื่อเดินไปอีกเล็กน้อยก็จะถึงพระราชวังที่ประทับของกษัตริย์หรือดยุค หรือ The Grand Ducal palace … สังเกตุได้ไม่ยากเพราะมีทหารยืนประจำการอยู่ด้านหน้า ช่วงท่องเที่ยวทหารเหล่านี้คงต้องเหนื่อยกับการปั้นหน้าแน่ ๆ เพราะคงมีสาว ๆ ไปยืนถ่ายภาพข้าง ๆ ตลอดวัน …
จากพระราชวังผมเดินนำเพื่อน ๆ ลัดเลาะไปตามเส้นทางเล็กๆ ที่ปูด้วยหินไปยังวิหารประจำเมือง Cathedale Notre Dame ซึ่งอนุญาตให้ถ่ายภาพภายในได้ วิหารแห่งนี้อาจไม่ได้ใหญ่โตนักเมื่อเทียบกับวิหารในเมืองหลวงของประเทศอื่น ๆ แถบยุโรป แต่ก็มีความสำคัญสำหรับ Luxembourg เพราะเป็นที่ใช้ทำพิธีกรรมต่าง ๆ มากมายของประชาชมรวมถึงกษัตริย์ด้วย
บรรยากาศและสถานที่สำคัญกลางเมือง
ด้านหน้าของวิหารมีลานให้ชมวิวสามารถมองเห็นสภาพภูมิประเทศอันเป็นเอกลักษณ์ของ Luxembourg นั่นคือมีเมืองเก่าอยู่ด้านล่างของหุบเขาโดยมีแม่น้ำไหลผ่านกลาง และมีสะพานเชื่อมระหว่างสองฟากของหุบเขา … ผมและเพื่อน ๆ เดินลัดเลาะตามตามเส้นทางเลียบหุบเขาจนถึงสะพาน และเป็นจุดที่มีเศษซากของป้อมและกำแพงเมืองสมัยก่อน จากจุดนี้จะสามารถมองเห็นทัศนียภาพของเมืองเก่าได้อย่างชัดเจน ซึ่งนักท่องเที่ยวบางส่วนเลือกที่จะเดินลัดเลาะลงไปชมเมืองด้านล่างได้อย่างใกล้ชิด แต่ฟ้าหมอง ๆ กับวี่แววของฝนที่กำลังจะตกทำให้คณะของพวกเราตกลงใจว่าจะหาอาหารเที่ยงทานกันดีกว่า เพราะกลัวจะเสียเวลาช็อปปิ้งของสาว ๆ อิอิ
วิวจากจุดชมวิวของเมืองบน มองไปยังเมืองเก่าด้านล่าง
เราฝากท้องมื้อเที่ยงกันที่ภัตาคารจีนกลางเมืองเอาใจลูกทัวร์ที่ช่วยกันประหยัดทำอาหารทานเองมาหลายมื้อ ตามด้วยการให้เวลาสาว ๆ ได้ช็อปปิ้งซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมกันพักนึง โชคเข้าข้างโดยแท้..ฝนตกลงมาค่อนข้างหนัก สาว ๆ ก็เลยต้องหยุดช็อปปิ้งโดยปริยาย แต่ผมก็ปลอบใจให้ไปเลือกซื้อของสดสำหรับปรุงอาหารมื้อถัด ๆ ไปใน supper market แทนจะได้รู้สึกสบายใจที่ได้ใช้เงินกัน คริคริ
สี่ชั่วโมงเศษวันนี้ใน Luxembourg ผมรู้สึกไม่ค่อยอิ่มเท่าไหร่ ส่วนนึงคงเป็นเพราะอากาศที่ครึ้มเกือบตลอด ทำให้ภาพถ่ายมัดขาดชีวิตชีวา นางแบบนายแบบก็พลอยหงอยไปด้วย วันหน้าฟ้าใหม่ก็หวังว่าจะได้มาเก็บตกความงามน้องเล็กแห่ง Benelux ในวันฟ้าใส่อีกสักครั้งหนึ่ง … See you next time, Luxembourg